มิตซูบิชิ เพิ่มทางเลือกในตลาดปิกอัพกลุ่มดับเบิลแค็ป ยกสูง 4×2 และ 4×4 ด้วย ไทรทัน แอทลีท ภายนอกและ
ภายในตกแต
่งสไตล์สปอร์ต อุปกรณ์มาตรฐานเทียบเท่าเอสยูวี ทำตลาดพร้อมกัน 3 รุ่น Plus Athlete 4×2 เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 879,000 บาท (เพิ่มขึ้น 48,000 บาท จากรุ่น GLS-LTD), Plus Athlete เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ราคา 924,000 บาท (เพิ่มขึ้น 48,000 บาท จากรุ่น GLS-LTD) และรุ่น 4WD Athlete เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ราคา 1,110,000 บาท (เพิ่มขึ้น 40,000 บาท จากรุ่น GLS-LTD)
ภายนอกเน้นความสปอร์ตจากการตกแต่งด้วยสีดำเงา ทั้งในส่วนของกระจังหน้า, ขอบกันชนหน้าด้านบน, ชุดแต่งกันชนหน้า, กรอบไฟตัดหมอก, โป่งล้อ, บันไดข้าง, ล้อแม็ก, กรอบกระจก
มองข้างและที่เปิดประตู ด้านหลังเพิ่มสไตล์ลิ่งบาร์บนขอบกระบะ, พื้นปูกระบะท้าย, เพิ่มสปอยเลอร์บนขอบกระบะ และกันชนหลังสีดำ เติมสีสันในโทนสีส้มด้วยสติ๊กเกอร์ตกแต่งรอบคันที่กันชนหน้า, ขอบประตูด้านล่าง, สไตล์ลิ่งบาร์ และกันชนท้าย พร้อมเพิ่มสัญลักษณ์ Athlete ที่ฝาปิดกระบะ
มิติตัวถังมีความยาว 5,280 มิลลิเมตร กว้าง 1,815 มิลลิเมตร สูง 1,780 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า/หลัง 1,520/1,515 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 205 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร น้ำหนักรุ่น Plus 1,760 กิโลกรัม รุ่น 4WD หนัก 1,870 กิโลกรัม
ภายในสปอร์ตสดใสด้วยการใช้โทนสีส้ม-ดำ เบาะหน้า-หลังตกแต่งด้วยสีส้มพร้อมตัวอักษร Athlete และใช้ด้ายสีส้มเดินตะเข็บที่พวงมาลัย, หัวเกียร์, แผงประตู, เบาะนั่ง และที่เท้าแขนกลางเบาะหน้า พรมปูพื้นปัก Athlete สีส้ม อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ในรุ่น Plus ติดตั้งชุดเครื่องเสียง Smartphon
e Link Display Audio (SDA) รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและ Apple CarPlay ทุกรุ่นมีระบบสั่งงานด้วยเสียงพร้อมสวิทช์รับ-วางสายโทรศัพท์ รุ่นเกียร์ธรรมดาเพิ่มระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ รุ่น Plus เพิ่มเบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง ปรับปรุงเพิ่มขนาดเล็กกันโคลง ปรับปีกนก ส่วนด้านหลังเป็นแบบคานแข็งแหนบซ้อน ปรับปรุงโดยออกแบบจุดยึดแหนบใหม่ พร้อมปรับแต่งแผ่นแหนบและเพิ่มแผ่นรองกันเสียง ช็อกแอ็บซอร์เบอร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีขนาดใหญ่ขึ้น ปลอดภัยด้วยโครงสร้างตัวถัง RISE Body หรือ Reinforce
d Impact Safety Evolution Body ผลิตจากเหล็กแรงดึงสูง แข็งแรงและน้ำหนักเบา ผ่านมาตรฐานการชน ASEAN NCAP ระดับ 5 ดาว
ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังคงมีระบบ Super Select 4WD II-AWC เอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ สามารถเลือกโหมดการขับเคลื่อนได้ทั้ง 2H ขับเคลื่อนล้อหลัง สำหรับขับใช้งานบนถนนปกติ, 4H สำหรับขับบนถนนเปียกลื่นที่ใช้ความเร็วได้ ระบบจะแบ่งกำลังไปที่ล้อหน้า 40 เปอร์เซ็นต์ และล้อหลัง 60 เปอร์เซ็นต์ และสามารถ
ส่งกำลังไปยังล้อหน้าเพิ่มเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ได้, 4HLc สำหรับขับบนเส้นทางทุรกันดาร และยังใช้ความเร็วได้ ระบบจะแบ่งการส่งกำลังแบบ 50:50 พร้อมล็อก Center Different
ial และระบบ 4LLc สำหรับขับบนทางทุรกันดารมาก มีโคลนหรือมีความลาดชันมาก ใช้ความเร็วต่ำ ในโหมดนี้จะเพิ่มฟังก์ชั่น สามารถกดส
วิทช์เพื่อล็อกเฟืองท้ายได้ ทำให้ล้อหลังทั้ง 2 ฝั่งหมุนด้วยความเร็วเท่ากัน เพิ่มความสามารถในการบุกตะลุย
โหมด 4LLc มีระบบความปลอดภัยหลายชั้น ที่สวิทช์หมุนเลือกโหมดขับเคลื่อน ถ้าจะเข้าโหมด 4LLc ต้องกดสวิทช์ลงแล้วหมุน ป้องกันการหมุนเกิน แต่ถึงจะหมุนเกินก็ไม่ทำให้เกิดความเสียหายหรือเกิดอันตราย เพราะจะเข้าโหมดขับเคลื่อนนี้ได้ รถต้องจอดสนิทและเกียร์อยู่ในตำแหน่ง N เท่านั้น เมื่อจะปลดการทำงานก็ต้องใช้วิธีเดียวกัน ส่วนการสลับโหมดขับเคลื่อนอื่น สามารถทำไ
ด้ขณะรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องยนต์เดียวกันทุกรุ่นย่อย รหัส 4N15 แบบดีเซล 4 สูบ คอมมอนเรล DOHC 16 วาล์ว มาพร้อมระบบแปรผันวาล์วไอดี MIVEC เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2,442 ซีซี กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 43.8 กก.-ม. ที่ 2,500 รอบต่อนาที มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 5 จังหวะ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมี Paddle Shift
เริ่มต้นเดินทางด้วยรุ่นท๊อปขับเคลื่อน 4 ล้อ รับหน้าที่เป็นผู้นำทาง ขับฝ่าเมืองแถวสุขุมวิทไปขึ้นทางด่วน มุ่งหน้าจุดหมายแรก โชว์รูม มิตซูบิชิ รีพับบลิค สังเกตภายในโทนดำส้มดูกลมกลืน ไม่โดดอย่างที่คิด มีการตกแต่งด้วยสีเมทัลลิกและสีดำเงา Piano Black ช่วยเพิ่มความสว่าง คุณภาพของห้องโดยสารโดยรวมใกล้เคียงเอสยูวี การเก็บเสียงทั้งจากลมปะทะและเสียงลมก็ทำได้ดี ช่วงล่างที่ปรับมาใหม่ดูจะแข็งขึ้นเล็กน้อย จากที่เคยคิดว่าจะนุ่มกว่านี้เพราะเป็นปิกอัพ 4 ประตูที่เน้นการโดยสารเป็นหลัก
ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงโชว์รูม มิตซูบิชิ รีพับบลิค ชมการสาธิตการใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อรูปแบบต่างๆ สำหรับการขับบนทางเรียบด้วยความเร็ว และการขับบุกตะลุยบนทางวิบาก จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังร้านอาหารกลางวัน เติมพลังก่อนทำกิจกรรมสุดเร้าใจในช่วงบ่าย กับการฝึกยิงปืนสั้นที่ สนามยิงปืนเขาอีโต้ โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เรียนรู้ชิ้นส่วนต่างๆ ของปืน การเล็ง การหายใจ และการเหนี่ยวไก ปิดท้ายด้วยการยิงด้วยกระสุนจริง ปลอดภัยแม้ไม่เคยจับปืนมาก่อนเพราะมีครูฝึกดูแลอย่างใกล้ชิดแบบตัวต่อตัว
อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การลองใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อโหมดต่างในสภาพถนนจริง เริ่มจากทางออฟโรดเบาๆ กับโหมด 4H พวงมาลัยจะตึงมือขึ้นนิดๆ วงเลี้ยวยังเท่าเดิม สำหรับขับบนทางวิบากโดยยังคงใช้ความเร็วสูงได้ เพิ่มความยากขึ้นอีกนิดกับโหมด 4HLc กับเส้นทางที่เริ่มวิบากมากขึ้น และไต่หินไต่เนินด้วยโหมด 4LLc ขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย ทำให้รถไต่ไปตามทางลาดชันด้วยความนุ่มนวล เพราะไปด้วยอัตราทดที่สูงขึ้น รถไม่กระแทกเสียหาย ผู้โดยสารก็ไม่เวียนหัว
ออกสนามออ
ฟโรด เปลี่ยนหน้าที่มาเป็นผู้ขับบ้าง อัตราเร่งช่วงต้นถือว่าทำได้ทันใจสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารรวม 3 คน ไม่มีน้ำหนักบรรทุกด้านหลัง เกียร์อัตโนมัติเปลี่ยนขึ้นลงได้นุ่มนวลดี ในจังหวะเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ถ้าความเร็วไม่สัมพันธ์กับตำแหน่งเกียร์ เกียร์ก็จะไม่เปลี่ยนลงให้พร้อมเสียงสัญญาณเตือน ลองดึงคันเกียร์เข้าหาตัวผู้ขับเพื่อเข้า Sport Mode และควบคุมจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ด้วย Paddle Shift พบว่าการเปลี่ยนเกียร์ยังคงนุ่มนวลและทันใจพอสมควร ในโหมดนี้จะกดคันเร่งเพื่อคิ๊กดาวน์ไม่ได้ ในช่วงที่ขับบนเขาใหญ่ ใช้ความเร็ตามที่กำหนด ลงจากเขาใ
หญ่ไม่ไกลก็ถึงที่พัก อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่เซต 0 ไว้ตอนออกจากออฟโรด เมื่อถึงโรงแรมทำได้ 11.7 กิโลเมตรต่อลิตร
ได้ขับเส้นทางขึ้นเขาใหญ่ฝั่งจังหวัดปราจีนบุรี แวะจุดชมวิวเขาเขียวแล้วลงทางฝั่งโคราช ก่อนเข้าด่านเพื่อนชำระค่าธรรมเนียม เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ขับช้าๆ เพราะมีช้างป่าออกมาเดินอยู่ริมถนน เมื่อขับรถผ่านก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ขับรถไปกันช้างไว้ไม่ให้ออกมาเดินบนถนน ทั้งขบวนใช้ความเร็วต่ำผ่านช้างไปโดยไม่ส่งเสียงรบกวน ขึ้นไปที่จุดชมวิวเขาเขียว มีโค้งพับผ้าลาดชันหลายจุด ใช้โหมด +/- เปลี่ยนเกียร์รอไว้ ทำให้ไม่ต้องเสียจังหวะเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ทำให้ขับได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด ส่วนตอนขาลงก็ใช้เกียร์ช่วยหน่วงความเร็วไว้ เพื่อลดภาระระบบเบรก ลงจากเขาใ
หญ่มุ่งหน้าที่พักมีทางโค้งให้ลองช่วงล่างที่เซตมาค่อนข้างหนึบ พวงมาลัยตึงมือพอเหมาะ ไม่เบาเกินไป ระบบเบรกท
ำงานได้ตามมาตรฐาน ไม่เด่นไม่ด้อย ให้แรงเบรกที่สัมพันธ์กับน้ำหนักที่เหยียบแป้นเบรก
วันรุ่งขึ้นสลับมาเป็นผู้โดยสารด้านหลังของรุ่น Plus เกียร์อัตโนมัติ รู้สึกได้ชัดเจนว่าช่วงล่างค่อนข้างแข็ง โดยเฉพาะถ้าผู้ขับรูดเนินสะดุด พนักพิงหลังตั้งชันไปนิด กับหมอนรองศีรษะที่ค่อนข้างจะดันมาข้างหน้ามากไปหน่อย กลางเบาะห
ลังมีที่เท้าแขนพร้อมที่วางแก้วน้ำ พื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะเหลือเฟือเมื่อนั่งด้านหลังผู้ขับที่มีความสูงใกล้เคียงกับผู้โดยสารคือประมาณ 170 เซนติเมตร
มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ภายนอกภาย
ในแต่งสปอร์ต อุปกรณ์มาตรฐานครบ เครื่องยนต์ตอบสนองดี เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ อาจดูน้อยไปนิดในยุคปัจจุบันแต่ก็เพียงพอกับการใช้งาน เด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีให้เลือกค่อนข้างละเอียดตามสภาพเส้นทาง สำหรับล้อและยางเดิมๆ ก็พอจะลุยทางออฟโรดโหดๆ ได้ในระดับหนึ่ง ช่วงล่างเซตค่อนข้างแข็งกว่าปิกอัพ 4 ประตูรุ่นอื่น น่าจะถูกใจผู้ที่ชอบขับรถเร็ว มาพร้อมการรับประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024: ทดลองขับ Mitsubish i Triton Athlete แต่งสปอร์ตสำหรับขาลุย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/