ยาชูกำลัง: วิธีที่จะตื่นนอนอย่างมีความสุขและสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ยิ่งกว่า นิสัยที่ปรับเปลี่ยนง่ายๆ และมีผู้เชี่ยวชาญรับรองเหล่านี้จะช่วยให้คุณเริ่มวันใหม่ด้วยพลังงานที่มากกว่าเดิม
เพิ่มขั้นตอนง่ายๆ ที่ยอมรับกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญลงในกิจวัตรการตื่นนอนตามลำดับนี้เพื่อเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีพลังและแรงจูงใจมากขึ้น
1. ตั้งนาฬิกาปลุกเป็นเวลาเดียวกันทุกวัน
สมมติว่าปกติแล้วคุณตื่นนอน 7 โมงเช้าทุกวัน แต่ก็นอนจนถึง 10 โมงในวันสุดสัปดาห์ พอมาถึงคืนวันอาทิตย์ คุณก็ต้องดึงนาฬิกาชีวภาพกลับไป 3 ชั่วโมง Matthew Walker, PhD ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ Center for Human Sleep Science และสมาชิก Nike Performan
ce Council กล่าว “นั่นเท่ากับการบินไปกลับจากซานฟรานซิสโก-นิวยอร์กทุกสุดสัปดาห์ หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อาการเมาเวลาทางสังคม (Social jetlag)’” Walker กล่าว “นั่นเป็นการทรมานชีวิตคุณเอง” การมีเวลาตื่นนอนที่คงที่จะปรับสมดุลนาฬิกาชีวภาพตามธรรมชาติของร่างกาย และยังช่วยให้คุณรู้สึกตื่นตัวมากขึ้นด้วย
2. ตื่นนอนพร้อมกับเสียงเพลง
ผลวิจัยล่าสุดโดย Royal Melbourne Institute of Technolog
y (RMIT) ประเทศออส
เตรเลีย ชี้ว่า การใช้เพลงเป็นเสียงปลุกจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นมากขึ้นในตอนเช้ามากกว่าที่จะตื่นขึ้นมาด้วยเสียงรบกวน “เราคิดว่าเสียง ‘ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด’ ดังแสบแก้วหูอาจเป็นการรบกวนหรือสร้างความสับสนให้กิจกรรมในสมองเมื่อตื่นนอน ในขณะที่เสียงดนตรีที่นุ่มนวลขึ้นอาจช่วยให้เราค่อยๆ ตื่นขึ้นด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น” Adrian Dyer ผู้ร่วมวิจัยและรองศาสตราจารย์ประจำ RMIT กล่าวในหมายข่าว แม้ว่ายังจำเป็นต้องค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมอีกมาก เพื่อให้ทราบว่าการเรียบเรียงเสียงดนตรีและจังหวะแบบใดกันแน่ที่ดีที่สุด แต่กลุ่มนักวิจัยก็ตั้งข้อสังเกตว่าเพลงไหนๆ ก็น่าจะดีกว่าเสียงปลุกที่น่ารำคาญ
3. อย่ากดปุ่มเลื่อนปลุก
คุณอาจรู้สึกดีเมื่อได้กดปุ่มนั้น แต่ก็ไม่เป็นผลดีกับร่างกายหรือสมองคุณเลย Cheri Mah, MD กล่าว เธอเป็นแพทย์นักวิจัยประจำ UCSF Human Performan
ce Center และสมาชิก Nike Performan
ce Council และเชี่ยวชาญด้านการนอนหลับและประสิทธิภาพของนักกีฬาชั้นนำ “คุณแค่เพียงได้นอนต่อจากการขัดจังหวะ ทั้งที่ควรได้นอนยาวจนถึงเวลาที่จะต้องตื่นจริงๆ” เวลาดังกล่าวนั้นสำคัญ Mah กล่าว “ช่วงเช้าตรู่เป็นเวลาที่ตาเราจะเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วระหว่างนอนหลับมากที่สุด ซึ่งมีความสำคัญต่อการรวบรวมความทรงจำ”
4. ลองหายใจลึกๆ
สิ่งแรกที่คนส่วนมากทำหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คอีเมล ดูการแจ้งเตือน และอ่านข่าว “ความรู้สึกเร่งรีบทันทีเช่นนี้จะสร้างฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลแบบเฉียบพลัน ซึ่งจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายและสมองของคุณ” Belisa Vranich, PsyD นักจิตวิทยาคลินิกจากนิวยอร์ก กล่าว วิธีการแก้ปัญหาที่ Vranich แนะนำใน Breathing for Warriors หนังสือเล่มใหม่ของเธอก็คือการรบกวนการตอบสนองต่อความเครียด หลังจากที่ตื่นนอนและก่อนที่จะเข้านอน ให้หายใจเข้าลึกถึงกระบังลม 3 ครั้ง ด้วยการค่อยๆ หายใจเข้าทางจมูกให้หน้าท้องขยายขึ้น จากนั้นหายใจออกช้าๆ ผ่านปาก การหายใจเ
ข้าออกลึกๆ ที่ผ่อนคลายเช่นนี้จะช่วยปรับร่างกายของคุณจากการตอบสนองของประสาทซิมพาเทติก (“สู้หรือหนี”) ให้เป็นประสาพาราซิมพาเทติก (“พักและกลั่นกรอง”) แล้วสร้างอารมณ์สงบเพื่อเริ่มต้นวันใหม่
5. ลองคิดถึงสิ่งหนึ่งที่คุณรู้สึกซาบซึ้ง
การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยทัศนคติปลาบปลื้มขอบคุณนั้นจะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นไปหมดในทุกเรื่อง เมื่อตื่นขึ้น ให้คิดถึงบางอย่างที่คุณตั้งหน้าตั้งตารอ อาจจะเป็นสิ่งที่คุณกำลังจะลงมือทำ สภาพอากาศ
ที่สดใส หรือวันสุดสัปดาห์ก็ได้ การวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Personali
ty and Individua
l Differenc
es เผยว่า การมีสภาพจิตที่แข็งแรงจะส่งผลดีต่อสุขภาพกาย และผู้ที่หยุดพักเพื่อชื่นชมสิ่งที่ตนมีอยู่นั้นมีแนวโน้มที่จะทำตามเป้าหมายสุขภาพของตน และมองหาค
วามช่วยเหลือเมื่อมีความกังวลด้านสุขภาพได้มากกว่าคนอื่น
6. ดื่มอะไรอุ่นๆ
ร่างกายคนเราต้องมีอุณหภูมิลดลงราว 2 ถึง 3 องศา จึงจะนอนหลับได้ดี “นั่นคือเหตุผลที่คุณจะหลับได้ดีกว่าในห้องที่หนาวเกินมากกว่าห้องที่ร้อนเกินเสมอ” Walker กล่าว ในทางกลับกัน เมื่อคุณตื่นนอน ร่างกายของคุณจะต้องอุ่นขึ้นเพื่อให้ตื่นตัวมากขึ้น โดยเขาแนะ
นำว่า “หากคุณมีเทอร์โมสตัทควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ให้ตั้งอุณหภูมิให้ห้องอุ่นขึ้น 2-3 องศาในช่วง 30 นาทีก่อนที่คุณจะพร้อมตื่นนอน” หากไม่มีสมาร์ทเทอร์โมสตัท Walker ก็บอกว่าให้จิบอะไรร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ชา หรือกาแฟ ก็จะให้ผลลัพธ์ในแบบเดียวกัน