แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25
331
ถ้าเกิดพูดถึงเรื่องคอลลาเจน ผู้หญิงผู้คนจำนวนมากควรต้องรำลึกถึง เรื่องความขาวกระจ่างขาวใส ความอ่อนวัยของผิวพรรณเป็นลำดับที่หนึ่งรวมทั้งยอดเยี่ยมในส่วนประกอบของเครื่องแต่งตัว เครื่องดื่ม อื่นๆอีกมากมาย น้อยผู้ที่จะทราบว่าคอลลาเจนมิได้มีดีแค่เพียงเรื่องของผิวพรรณ แต่ว่ายังมีความพิเศษและก็คุณประโยชน์อีกเยอะมากที่หลบอยู่

 

คืออะไร?

เป็นเส้นใยโปรตีน ประเภทหนึ่งที่ปฏิบัติภารกิจเหมือนกาวเกาะยึดส่วนต่างๆ ภายในร่างกาย เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง ขน เส้นผม กระดูกอ่อน ข้อต่อ เส้นเลือด กล้าม รวมทั้งเยื่อส่วนต่างๆทั่วร่างกาย รอช่วยทำให้ผิวหนังมีความชื้น ยืดหยุ่น อาจความกร ะชับ เต่งตึง เรียบเนียน แล้วก็ช่วยคุ้มครองความแข็งแรงให้กับกระดูกอ่อน ซึ่งธรรมดาคอลลาเจนที่ร่างกายได้รับมักมาจากการทาน โปรตีนที่มาจากสัตว์ ปลา พืช หรือสินค้าจากนมเข้าไปเสื่อมสภาพกระทั่งกระจายตัวรวมทั้งก่อตัวขึ้นใหม่ เปลี่ยนเป็นเส้นใยโปรตีนหรือคอลลาเจนนั่นเอง


สำคัญเรื่องของผิวพรรณ

ทั้งหมดนี้ทำใหคอลลาเจนภายในร่างกายน้อยลง โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแก่กว่า 30 ปี ขึ้นไป การสังเคราะห์เส้นใยโปรตีนจำพวกนี้จะน้อยลงถึงปีละ 1.5 เปอร์เซ็นต์ และก็เมื่อร่างกายมีไม่พอก็เป็นต้นเหตุให้ผิวหนังกำเนิดความหย่อนยานคล้อย เหี่ยวย่น มีริ้วรอย ผิวไม่เรียบเนียน ขาดความยืดหยุ่น แล้วก็รอบๆข้อต่อก็เริ่มไม่แข็งแรง นี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่คนจำนวนไม่น้อยหันมาดูแลเจ้าเส้นใยโปรตีนสำคัญจำพวกนี้มากเพิ่มขึ้น อีกทั้งดูแลของเดิมที่มีอยู่กระตุ้นและก็เติมเต็มไม่ให้หายไปเมื่ออายุเริ่มเพิ่มมากขึ้น

ทำให้ในขณะนี้พวกเราสามารถหาซื้อสินค้าเสริมสินค้าเสริมของกินที่ช่วยเสริมการผลิต คอลลาเจนไ ด้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งยังแบบเป็นเม็ดหรือรูปแบบผงละลายน้ำ รวมถึงครีมที่เอาไว้บำรุงผิว เพื่อบำรุงผิวให้อาจจะความอ่อนวัย ลดริ้วรอย กระชับเต่งตึง คอลลาเจนก็เลยเป็นตัวเลือกสำคัญที่เพศหญิงเลือกสรร เลือกใช้สำหรับในการช่วยบำรุงรักษาผิวหนังที่เริ่มเหี่ยวย่น เก็บกักความชื้นเอาไว้ในผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวของคุณกลับมาดูดีขึ้นอย่างที่อยากได้ รวมทั้งที่สำคัญคอลลาเจนมิได้มีดีแค่เพียงเรื่องผิวพรรณ แม้กระนั้นยังถูกประยุกต์ใช้ในแวดวงแพทย์

นอกจากคุณประโยชน์ด้านการบำรุงและก็ชะลอความเสื่อมถอยของผิวหนังแล้ว เส้นใยโปรตีนประเภทนี้ยังเป็นประโยชน์อีกเยอะแยะที่หลายๆคนบางทีอาจคาดไม่ถึง โน่นเป็น มีการประยุกต์ใช้ผลดีในทางการแพทย์ เพื่อรักษาโรคที่เกี่ยวกับข้อต่อ กระดูก ลักษณะการเจ็บข้างหลังการผ่าตัด ลดลักษณะของการปวดและก็ความเสื่อมโทรมด้านใน มีงานศึกษาวิจัยรับรองว่าคอลลาเจนถูกซึมซับผ่านไส้แล้วก็ไปสะสมในกระดูกอ่อนได้ มีกลไกการทำงานที่ช่วยทำให้คนที่ป่วยเป็นโรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ ดังเช่น ข้อเสื่อม หัวเข่าเสื่อม และก็โรคเกี่ยวข้อกระดูกมีลักษณะอาการดียิ่งขึ้น นอกนั้นยังช่วยทุเลาลักษณะการเจ็บในคนที่มิได้มีโรคข้อหรือกระดูก อย่างเช่น ลักษณะของการปวดข้อข้างหลังผ่าตัด ปวดหลังแล้วก็ปวดคอ ด้วยคุณลักษณะที่จะช่วยดูแลความสวยงามของผิวพรรณ และก็ดูแลสุขภาพได้อย่างดีเยี่ยม คุณประโยชน์ครบขนาดนี้ก็เลยเป็นบทสรุปได้ว่าคอลลาเจนนั้นมีดีมากยิ่งกว่าที่พวกเราคิด


ความปลอดภัย

เพื่อการกินได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและก็ไม่เป็นอันตรายที่สุด หน่วยงานของกินรวมทั้งยาเสนอแนะว่าควรจะกินคอลลาเจนสายสั้น (Hydrolyze d collagen) ด้วยเหตุว่าร่างกายซับได้ดีมากว่าจำพวกสายยาว แล้วก็สามารถทานเป็นอาหารเสริมได้ 5,000-7,000 มก.ต่อวัน แต่ว่าไม่สมควรเกิน 10,000 มก.ต่อวัน ด้วยเหตุว่าจะมีผลให้ได้รับอันตรายต่อสถาพทางร่างกาย เมื่อทานคอลลาเจนเสริมเสนอแนะให้กินน้ำตามมากๆเนื่องจากว่าถ้าหากกินน้ำน้อยเกินไปร่างกายจะไม่อาจจะดูดซับและก็ใช้ประโยชน์ให้กำเนิดผลดีได้ ยิ่งไปกว่านี้ควรจะกินร่วมกับของกินที่มีวิตามินซีเพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น


ประโยชน์ ที่สำคัญของ “คอลลาเจน” ที่เหมาะสมกับการเสริมความสวย-ความงาม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.healthyhitech.net/

332
SEO คืออะไร

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimizat ion คือการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ให้ผลการค้นหาติดอันดับบน Google หรือ Search Engine แบบอื่น ๆ ซึ่งผู้คนจะเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านคำค้นหาที่ติดอันดับ ยิ่งทำอันดับได้ดีเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เกิดการมองเห็นและเข้าเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น

โดย SEO เป็นแขนงนึงของ Digital Marketing ที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักกับแบรนด์ สินค้า หรือบริการต่าง ๆ บนเว็บไซต์ ข้อโดดเด่นของ SEO คือ ไม่เสียค่าโฆษณาในการทำ จึงเหมาะกับธุรกิจทุกขนาดที่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง และต้องการให้ผู้คนเห็นเว็บไซต์ผ่านช่องทาง Google

ทำไม SEO ถึงสำคัญต่อธุรกิจออนไลน์

ความสำคัญของ SEO คือ การทำเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์หรือบริการนั้น ๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ถ้าเราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ “เช่าโรงแรม” หากเว็บไซต์ของเราติดอันดับหน้าแรกของ Google ก็เพิ่มโอกาสให้ผู้ที่สนใจบริการเช่าโรงแรมเข้าถึงข้อมูลจากเว็บไซต์ได้ และยังส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น


เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับ SEO มากยิ่งขึ้น ขออธิบายด้วยภาพประกอบ ดังนี้

ความแตกต่างระหว่าง Paid Search และ Organic Search ในการค้นหาหน้า Google

ความแตกต่างสามารถสังเกตง่าย ๆ จากคำว่า ได้รับ การสนับสนุน หรือ Sponsored  หากปรากฏค ำดังกล่าวนั้นหมายถึงเป็นผลการค้นหาแบบ Paid Search หรือ SEM ส่วน Organic Search จะไม่ปรากฏคำโฆษณาจาก Google ซึ่งก็คือผลการค้นหาแบบ SEO นั่นเอง


รู้จัก SEO มากขึ้น ด้วยการเข้าใจการทำงานของ Google

การที่เว็บไซต์ของเราจะติดหน้าแรกบน Google มีหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งการทำ SEO จึงเป็นการช่วยให้ Google รู้จักเว็บไซต์ของได้ง่ายขึ้นผ่านการจัดโครงสร้างต่าง ๆ และหากเว็บไซต์ของเรามีประโยชน์และมีประสิทธิภาพ ก็จะปรากฎผลการค้นหาบนหน้าแรกของ Google โดยหลักการทำงานของ Google ในการเก็บข้อมูลเว็บไซต์มีด้วยกันหลายส่วน ดังนี้
SEO คืออะไร Google Organic ทำงานอย่างไร Crawling Indexing Ranking คือ

Crawling การไต่ข้อมูล เพื่อเก็บและเตรียมจัดทำดัชนี วิธีการทำงานคือ Google จะส่ง Bot ทำการเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อดูเนื้อหาเว็บไซต์ว่าเกี่ยวข้องกับอะไร เชื่อมโยงกับ Keywords ใด มี Links เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไหม มีการอัปเดตเว็บไซต์หรือไม่ มีโครงสร้างเป็นอย่างไร เพื่ออ่านข้อมูลของเว็บไซต์และจัดอันดับให้กับเว็บไซต์ได้ถูกต้อง

Indexing การจัดทำดัชนี หลังจากที่ Google ทราบข้อมูลของเว็บไซต์แล้ว จะทำการเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของเราไปประมวลผล เพื่อรอการจัดลำดับต่อไปในอนาคต

Ranking การจัดอันดับและแสดงผลการค้นหาบนหน้า Google การค้นหาแบบ Organic ของ Google จะแสดงผลจ ำนวน 10 หน้า ในแต่ละหน้าจะมี 10 อันดับ (ขึ้นอยู่กับข้อมูลของ Keywords นั้น ๆ) ซึ่ง Ranking ที่จะแสดงผลบนหน้า Google มีด้วยกันทั้งหมด 100 อันดับ ยิ่งติดอันดับ 1 หรือหน้าแรกเมื่อไหร่ การเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานก็จะมากขึ้นเท่านั้น


เมื่อเข้าใจการทำงานของ Google แล้ว เรามาดูสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการทำ SEO ให้ติดอันดับกัน ดังนี้


3 ส่วนสำคัญในการทำ SEO ให้ติดอันดับ


1.SEO Content

SEO Content เป็นหัวใจสำคัญในการทำ SEO เพราะ Google ชอบข้อมูล และผู้คนที่ค้นหาบน Google ต้องการรู้ข้อมูลในสิ่งที่เค้าสนใจใคร่รู้ เช่น

    วิธีจองตั๋วเครื่องบิน
    รีวิวร้านกาแฟ ย่านอารีย์
    รองเท้าวิ่งผู้หญิง ราคา
    เสื้อ Oversize แบรนด์ไหนดี
    Digital Marketing คืออะไร
    Backlinks คืออะไร

จะเห็นได้ว่าคำค้นหานั้นมีความแตกต่างกัน และมีจุดประสงค์ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเนื้อหาที่เรานำเสนอในเว็บไซต์ก็ควรเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์คำค้นหาเหล่านั้น ยิ่งเว็บไซต์ของเรามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ช่วยตอบคำถามผู้คนได้มากเท่าไร เว็บไซต์เราก็สามารถติดอันดับบนหน้าแรกได้มากยิ่งขึ้น


2. SEO On-Page คือการปรับแต่งทุกอย่างภายในเว็บไซต์ เพื่อให้ Googlebot เข้าใจว่าแต่ละหน้านั้นมีข้อมูลอะไร โดยมีการวาง Keywords, ปรับแต่ง Title Tag, Alt Text รวมถึงโครงสร้างการเขียน SEO Content

3. SEO Off-Page คือองค์ประกอบภายนอกเว็บไซต์ของเรา ที่เสริมให้เว็บไซต์ของเราน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น อาจเป็นการให้เครดิตข้อมูลเว็บไซต์ การโปรโมท เว็บไซต์ผ่านช่องทาง Social Media ต่าง ๆ หรือการทำ Backlinks เพื่อให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ มีการกล่าวถึงจากเว็บไซต์ภายนอก ส่วนนี้จะเสริมให้ SEO มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


ข้อดีของการทำ SEO

สร้างความน่าเชื่อถือ

เว็บไซต์ที่แสดงผลการค้นหาได้ในอันดับต้น ๆ ย่อมได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่ติดอันดับผลการค้นหาใด ๆ เลย และยังทำให้ลูกค้ารู้จักกับแบรนด์ผ่านข้อมูลบนเว็บไซต์ได้มากขึ้น
เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

การทำการต ลาดออนไลน ์ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก-กลางที่ไม่มีงบประมาณสำหรับการตลาดที่แพงเกินตัวขนาดนั้น การทำ SEO จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการโปรโมทสินค้าหรือบริการที่เน้นผลระยะยาวและไม่เสียเงินโฆษณา


เข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านคำค้นหา หรือ Keyword SEO

SEO สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นผ่าน Keywords หรือคำค้นหาบน Google คล้ายกับการเลือกกลุ่มเป้าหมายผ่านการยิงแอดโฆษณา เพียงแต่ SEO จะเลือกผ่านคำค้นหาที่ผู้ใช้งานอยากรู้ หรือบอกความต้องการผ่านการค้นหา เช่น เช่ารถยนต์, เช่าโรงแรม ที่พักเขาใหญ่ เป็นต้น


ไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่มีค่าโฆษณา

กระบวนการ ของ SEO เริ่มต้นง่าย ๆ จากการทำข้อมูลบนเว็บไซต์ให้เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งาน ธุรกิจหรือแบรนด์สามารถเริ่มต้นทำ SEO ได้ด้วยตัวเองโดยไม่เสียค่าโฆษณา


SEO คืออะไร สำคัญอย่างไร ต่อการทำการตลาดออนไลน์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/

333
อย่างที่หลายๆท่านทราบกันแล้วเป็นอย่างดีว่า สุขภาพช่องปากไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็สำคัญเสมอ ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปการศึกษาวิจัยมีความละเอียดขึ้น ทำให้ทราบได้ว่าการดูแลสุขภาพช่องปากนั้น ไม่ต้องรอให้ฟันขึ้นก่อน แต่ควรดูแลตั้งแต่แรกเกิด เพื่อให้บุตรหลานของท่านโตมามีสุขภาพช่องปากที่ดีและมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง

ซึ่งในวันนี้ทางด้าน Clinic จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่องปากของเด็กเล็กที่มีอายุประมาณ 1 – 3 ปี มักพบได้บ่อยมาก โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

โรคช่องปากที่พบได้บ่อยในช่วงวัยเด็กเล็ก ?

ต้องขอบอกเลยว่าในเด็กเล็กๆ วัยประมาณ 1 – 3 ปี มักมีโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับช่องปากมากวนใจมากมายอยู่เสมอ อาจจะเพรา ะว่าผู้ปกครองดูแลไม่ทั่วถึง เนื่องจากในเด็กเล็กๆวัยนี้มักจะไม่ค่อยดูแลสุขภาพช่องปาก หรือยังดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองไม่ได้ดี จึงเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่ต้องเฝ้าระวังโรคต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้


– ลิ้นเป็นฝ้าขาว

มักพบได้บ่อยมากๆสำหรับเด็กเล็ก โดยหลังจากที่ลูกน้อยดื่มนม หากว่าผู้ปกครองไม่ทำความสะอาดเหงือกและกระพุ้งแก้ม คราบน้ำนมเหล่านี้ที่เด็กๆดื่มเข้าไปก็จะไปเกาะตามกระพุ้งแก้มซอกเหงือกซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้เกิดเป็นฝ้าขาวที่เพดานปาก และลิ้นตามมา ส่งผลให้เกิดฟันผุได้

ซึ่งในทุกครั้งที่บุตรหลานดื่มนมเสร็จแล้ว ให้ผู้ปกครองใช้ผ้าบางๆสะอาดพันที่นิ้ว และเช็ดคราบนมที่เพดานปาก เหงือก และกระพุ้งแก้ม เพื่อกำจัดคราบน้ำนมออกนั่นเอง


– ฟันน้ำนมขึ้นไม่ครบ 20 ซี่

แท้จริงแล้วฟันน้ำนมมีพัฒนาการเป็นหน่อฟันตั้งแต่เด็กยังอยู่ในครรภ์มารดา โดยหน่อฟันเหล่านี้จะรวมตัวอยู่ที่ขากรรไกรบน 10 หน่อ ขากรรไกรล่าง 10 หน่อ แต่หากว่าฟันน้ำนมรวมตัวกันไม่ครบ 20 หน่อนี้ ก็จะทำให้รูปฟันของเด็กเวลามีฟันน้ำนมมีความผิดปกติได้ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว เนื่องจากพื้นที่เวลาฟันแท้ขึ้นอาจเกิดความเหลื่อมล้ำ ส่งผลให้เวลาฟันแท้ขึ้นอาจเกิดการซ้อนเกได้นั่นเอง

หากพบว่าบุตรหลานมีฟันน้ำนมขึ้นไม่ครบทางที่ดีควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ทำการวินิจฉัยวางแผนติดตามเป็นระยะ


– ฟันน้ำนมผุ

ต้องบอกก่อนว่าฟันน้ำนมมีเคลือบฟันหนาน้อยกว่าฟันแท้เป็นอย่างมาก จึงทำให้ฟันน้ำนมอ่อนแอ และสามารถ ผุได้ง่ายกว่าฟันแท้เป็นอย่างมากหากว่าไม่ได้รับการดูแลที่ดี รวมถึงชั้นเคลือบฟันน้ำนมนั้นบางมาก หากว่าเกิดฟันน้ำนมผุจะทำให้เข้าถึงโพรงประสาทฟันได้ง่ายกว่าฟันแท้อีกด้วย ฟันน้ำนมผุนั้นมักพบได้ตั้งแต่เด็กที่มีอายุประมาณ 1 ปี และจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงอายุ 2-3 ปี

ปัญหาฟันน้ำนมในเด็กเล็กๆผุ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะ การรักษาเป็นไปได้ยากกว่าเด็กที่โต ผู้ปกครองจึงควรทำการป้องกันไม่ให้ฟันน้ำนมผุจะดีที่สุด

โดยตำแหน่งฟันน้ำนมส่วนใหญ่ที่จะผุ ที่พบบ่อยๆมีอยู่ด้วยกัน 2 จุด คือ ฟันน้ำนมซี่หน้าบน เนื่องจากว่าตามธรรมชาติแล้วฟันหน้าบนจะเป็นส่วนที่มีน้ำลายไหลผ่านน้อยกว่าส่วนอื่น จึงทำให้ไม่เกิดการชะล้างที่ดีมีเศษคราบต่างๆเกาะติดแน่นได้ง่าย ต่างจากฟันหน้าล่างที่อยู่ใกล้กับต่อมน้ำลายใต้ลิ้น น้ำลายจึงไหลออกมาชะล้างฟันหน้าล่างได้ง่ายกว่า ส่วนจุดที่ 2 ก็คือในส่วนของฟันกรามด้านบดเคี้ยว เนื่องจากว่าการทำความสะอาดเป็นไปได้ยาก ขนแปรงเข้าไปไม่ถึงเนื่องจากช่องปากของเด็กจะเล็กมากๆ ยิ่งเป็นเด็กที่ยังรับประทานนมขวด ยิ่งจะมีโอกาสฟันน้ำนมผุได้ง่ายกว่า เพราะ เด็กที่ดื่มนมขวดธรรมชาติจะชอบอมนมทำให้ช่องปากแช่ในน้ำนมจุลินทรีย์เติบโตได้รวดเร็ว

วิธีแก้ไขคือพยายามให้เด็กเลิกดื่มนมจากขวดเมื่ออายุประมาณ 18 เดือน ให้ฝึกดื่มนมจากถ้วย เพราะจะเป็นการลดโอกาสแช่นม ทำให้นมตกค้างน้อยกว่าการดื่มจากขวดนม และควรงดน มรสหวานใน ช่วงนี้ให้รับประทานแต่นมรสจืดไปก่อนเป็นดีที่สุด และทุกครั้งที่ดื่มนมเสร็จควรดื่มน้ำเปล่าตามเล็กน้อยเพื่อทำความสะอาดช่องปากนั่นเอง



จัดฟันบางนา: โรคในช่องปากที่พบบ่อย ในเด็กเล็กวัย 1 – 3 ขวบ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

334
บ้านไม้ยกพื้นสูง อย่าง “บ้านทรงไทย” คือแบบบ้านที่สามารถสะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้ดีทีเดียว ถึงแม้ในยุคสมัยนี้จะหาบ้านที่สร้างในรูปแบบบ้านทรงไทยได้น้อยลง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับแบบบ้านที่เป็นรูปทรงอื่นๆ แต่เชื่อได้ว่ายังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังคงชื่นชอบบ้านสไตล์นี้ เพราะเป็นสัญลักษณ์รวมทั้งแสดงออกถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน ดังนั้น จึงมีหลักการออกแบบแปลนบ้านในรูปแบบทรงไทยรูปแบบใหม่ขึ้น เพื่อให้เหมาะกับการอยู่อาศัยในยุคนี้ คือนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น หรือที่เรียกกันว่า “บ้านทรงไทยร่วมสมัย” โดยยังคงความอ่อนช้อยไว้ทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็แฝงไปด้วยความแข็งแรงทนทาน พร้อมกับเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานแบบทรงไทยไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งในส่วนข้อดีหลักๆ ของบ้านทรงไทยก็คือ ประหยัดงบประมาณค่าก่อสร้างเพราะเป็นบ้านที่มีลักษณะแบบบ้านชั้นเดียว ยกใต้ถุนสูง ที่สำคัญอีกอย่างก็คือบ้านทรงไทยเป็นแบบบ้านที่เหมาะสมต่อสภาพอากาศของประเทศไทยมากที่สุด แต่ส่วนจะมีข้อดีอย่างไรหรือจุดเด่นเหมาะสมขนาดไหนเพราะอะไรบ้าง ลองมาดูกัน


1. บ้านทรงไทยกับรูปแบบหลังคาทรงจั่วที่สามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี

หลายคนอาจ จะมีข้อสงสัยว่าทำไมถึงได้ยินได้ฟังมาว่าบ้านทรงไทยเป็นแบบบ้านที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่อยู่ในภูมิประเทศที่แทบจะมีอากาศร้อนเกือบทั้งปี ทั้งนี้ อันดับแรกต้องบอกก่อนว่าแบบบ้านทรงไทยทั่วไปนั้นนิยมใช้วัสดุหลักทำจากไม้มาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างบ้าน จึงสามารถช่วยคลายร้อนได้ดีกว่าการใช้วัสดุที่ทำมาจากคอนกรีตเหมือนบ้านทั่วไปในยุคปัจจุบัน เนื่องจากตัวของคอนกรีตมีคุณสมบัติในการอมความร้อนสูงกว่าวัสดุประเภทไม้ ฉะนั้น เมื่อเจออากาศที่ร้อนจัดมากๆ หรือมีแดดส่องช่วงกลางวันตลอด พื้นไม้ก็จะรับแสงแดดและสามารถคลายความร้อนได้รวดเร็วและเย็นตัวกว่าการใช้วัสดุชนิดอื่นๆ ส่งผลให้อุณหภูมิที่หมุนเวียนอยู่ภายในบ้านเย็นตัวไปด้วย

นอกจากนั้น ยังรวมไปถึงเรื่องโครงสร้างหลังคาทรงจั่วของแบบบ้านทรงไทยจะมีลักษณะที่สูงกว่าแบบบ้านอื่นๆ ด้วยพื้นที่โปร่ง มีพื้นที่จรดเพดานสูงขึ้นไป อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 35 องศา ทำให้ระบายความร้อนได้เร็วเช่นกัน จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่นับว่าเป็นข้อดีของบ้านทรงไทยนั่นคือ การรับมือกับความร้อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหลังคาทรงจั่วจะช่วยให้บ้านสามารถกักเก็บมวลอากาศไว้ในบ้านเปรียบเสมือนฉนวนกันความร้อน ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านแทบจะไม่รู้สึกถึงไอความร้อนจากภายนอกเลย ยิ่งถ้าเป็นกรณีที่ปลูกบ้านทรงไทยและติดตั้งฉนวนกันความร้อน หรือเลือกใช้เป็นกระเบื้องหลังคาแบบสะท้อนความร้อนเข้าไปอีก เชื่อได้ว่าไม่ต้องเปิดแอร์ก็ยังไม่รู้สึกร้อนแม้จะเป็นวันที่มีแดดจัดก็ตาม ดังนั้น เราจึงสามารถสรุปได้ว่านอกจากเรื่องความเย็นสบายแล้วยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย หากใครเคย มีโอกาสได้ไปเที่ยวหรืออาศัยอยู่บ้านทรงไทย จะเห็นได้ว่าบ้านทรงไทยจะไม่ค่อยนิยมติดเครื่องปรับอากาศเท่าไหร่ หรือถึงติดก็จะไม่ค่อยเปิดใช้งาน เพราะอากา ศที่เวียนอยู่ภายในก็ทำให้เย็นสบายอยู่แล้ว


2. บ้านทรงไทยยกใต้ถุงสูงช่วยป้องกันอุทกภัยและสัตว์ร้ายได้

สิ่งที่หลายคนกังวลและเป็นห่วงเกี่ยวกับบ้านทรงไทยมากที่สุดก็คือ ในช่วงฤดูฝน สาเหตุมาจากโครงสร้างวัสดุส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการสร้างบ้านจะเป็นไม้เกือบ 100% ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของความชื้นที่อาจทำให้ไม้บวมได้ นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องพวกแมลงกินไม้ต่างๆ เช่น ปลวก มอดไม้ แต่หากว่าสร้างบ้านทรงไทยด้วยไม้ประเภท ไม้สัก ไม้มะค่า ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความแข็งแรง ทนทาน ด้วยไม้สามารถรับได้ทุกสภาพอากาศ แถมปลวกก็ยังไม่กินไม้ 2 ชนิดนี้อีกด้วย

บ้านทรงไทยยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือ มักมีโครงสร้างใต้ถุนบ้านสูงกว่า 2 ม. เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในบ้าน เพราะอากา ศใต้ถุนบ้านจะถ่ายเทสะดวก ทำให้เย็นสบาย เหมาะเป็นที่นั่งที่นอนเล่น และหากเกิดน้ำท่วมขังข้าวของในบ้านก็จะปลอดภัย ไม่เสียหายจากการถูกน้ำท่วม ที่สำคัญเวลาที่ฝนตกหนักจนกระทั่งน้ำท่วมขัง ย่อมมีพวกสัตว์มีพิษว่ายปะปนมากับน้ำ กรณีที่เป็นบ้านทั่วไปสัตว์เหล่านี้ก็จะหลุดลอดเข้าไปในบ้านได้อย่างง่ายดาย แต่บ้านทรงไทยที่มีใต้ถุนสูงๆ ระดับน้ำของน้ำท่วมจะไม่สามารถเข้าถึงตัวบ้าน และไม่ทำอันตรายกับผู้อยู่อาศัยได้

อย่างไรก็ตาม หากใครที่อยากได้บ้านใต้ถุนสูงแต่ไม่ชอบบ้านลักษณะที่สร้างเป็นทรงไทยก็ลองมองหาที่ดินเปล่า เพื่อปลูกบ้านสไตล์ที่ชอบ แต่ออกแบบให้ยกระดับพื้นบ้านขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำท่วมก็ได้ หรือถ้าไม่มีทุนสร้างบ้านใหม่ก็พิจารณาโครงการบ้านจัดสรรใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีนวัตกรรมป้องกันความร้อนและอยู่ในทำเลที่น้ำท่วมไม่ถึง แต่ถ้าจะให้ดีอาจจะมองหาที่อยู่แนวสูงสไตล์คอนโดมิเนียมเลยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ปลอดภัยจากอุทกภัยและสิ่งต่างๆ ได้ เพราะจากส ภาพพื้นใต้ดินของประเทศไทย โดยเฉพาะก รุงเทพฯ หลายพื้นที่เริ่มที่จะทรุดตัวลง ประกอบกับขยะมูลฝอยที่ค้างอยู่ในท่อระบายน้ำเยอะ ทำให้น้ำท่วมได้ง่ายในหลายพื้นที่


เรื่องที่ควรรู้เพิ่มเติมก่อนการออกแบบและสร้างบ้านไม้

การสร้างบ้านไม้มักเป็นที่นิยม เนื่องจากบ้านไม้มีช่องให้ลมผ่านเข้ามาได้สะดวกกว่าบ้านปูน และไม่รู้สึกอึดอัด โดยมีไม้ให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น ก่อสร้างจากไม้ทั้งหลัง หรือชั้นล่างก่อสร้างด้วยปูนซีเมนต์ ส่วนชั้นบนทำเป็นโครงสร้างไม้ เป็นต้นการออกแบบและสร้างบ้านไม้ เป็นกระบวนการซับซ้อนที่ต้องใช้เวลาและการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มต้น ดังนั้น เราควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในการสร้างบ้านไม้ เช่น วัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้าน แนวทางการ ออกแบบบ้านไม้ในปัจจุบัน รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการออกแบบและสร้างบ้านไม้ที่ปลอดภัย


วิธีสร้างบ้านไม้อย่างไร ให้เย็นสบาย

การสร้างบ้านไม้ เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากบ้านไม้ให้ความรู้สึกเย็นสบายกว่าบ้านปูน โดยเฉพาะใ นช่วงฤดูร้อน การอยู่ในบ้านไม้มีพื้นที่เปิดกว้าง ทำให้ลมถ่ายเทได้ดีกว่าบ้านปูน ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด และสะดวกต่อการหายใจ นอกจากนี้ การใช้ไม้เป็นวัสดุในการสร้างบ้านยังทำให้เกิดความสวยงามและอบอุ่น ลองมาดู วิธีสร้างบ้านไม้ที่คุณต้องรู้ หากอยากให้บ้านเย็นขึ้น

-    การเลือกพื้น – พื้นบ้านที่เป็นไม้นั้นมีข้อจำกัดในการต่อไม้แผ่นๆ เข้าด้วยกัน โดยเฉพาะต รงพื้นไม้ที่จะมีรอยต่อจำนวนมาก แนะนำให้ตีปิดฝ้าเพดานยิปซั่มหรือซีเมนต์บอร์ดใต้ตั้งไม้แทน และเสริมไม้โครงด้วยการปูฉนวนหรือช่องว่างระหว่างตั้งกับไม้โครงชุดใหม่ เพื่อช่วยลดเสียงกระทบจากพื้นในช่วงที่มีคนเดิน
-    การเลือกผนัง – การทำผนังซ้อนด้านในบ้านอีกชั้นและเสริมฉนวนกันความร้อนแทรกเข้าไประหว่างโครงคร่าวเป็นวิธีการแก้ปัญหาลมร้อนซึมเข้าสู่ภายในบ้านของบ้านไม้ โดยควรยึดแผ่นผนังผืนใหม่กับโครงเดิมหรือเสริมไม้ที่จำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระน้ำหนักให้กับโครงสร้างไม้
-    การเลือกหน้าต่าง – เมื่อหน้าต่างหันไปทางทิศตะวันตก ควรปิดใช้งานและซ้อนผนังทึบหรือลดขนาดบานหน้าต่าง แต่ถ้าหน้าต่างหันไปทางทิศเหนือ ควรเปิดให้รับแสงธรรมชาติได้มากขึ้นด้วยบานกระจก และเปลี่ยนเป็นกรอบวงกบ UPVC เพื่อป้องกันการรั่วซึมของอากาศ หรือปรับปรุงบานไม้เดิมด้วยการปรับขอบบานเป็นแบบบังใบและเสริมเส้นยางตลอดแนววงกบ เพื่อช่วยระบายความร้อน
-    การเลือกฝ้าเพดาน – การป้องกันความร้อนจากหลังคาเป็นสิ่งสำคัญในการลดอุณหภูมิและระบายความร้อนในบ้าน วัสดุ เช่น ซีเมนต์ใยหินหรือสังกะสีไม่สามารถป้องกันความร้อนได้ดีพอ การแก้ไขควรเลือกปรับเป็นฝ้าเพดานยิปซั่มหรือซีเมนต์บอร์ดแบบฉาบเรียบ พร้อมทั้งติดตั้งตัวฉนวนกันความร้อนเหนือแผ่นฝ้าเพดาน หากต้องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศควรตรวจสอบตำแหน่งในการติดตั้งก่อน


วัสดุไม้ปูพื้น มีอะไรบ้าง ?

การเลือกและปูพื้นไม้ต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน เนื่องจาก การเลือกไม้ปูพื้น จะทำให้บ้านสวยงาม ซึ่งแบ่งไม้ได้เป็น 2 ประเภท คือ ไม้เนื้อแข็งเหมาะกับงานภายนอกและไม้เนื้ออ่อนเหมาะกับการทำเฟอร์นิเจอร์ แล้วพื้นไม้ยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่นำไปใช้ปูพื้นบ้าน มีอะไรบ้าง

1. ไม้สัก (Teak wood) – ไม้สักเป็นไม้ที่มีความสวยงามและคุณสมบัติที่ดี คงทนต่อศัตรูของไม้ เช่น ปลวก แมลง และเห็ดรา และเหมาะกับการปูพื้นไม้ภายในห้องนอนมากกว่า

2. ไม้มะค่า (Makha wood) – ไม้เนื้อแข็ง เหมาะสำหรับการปูพื้นและทำเฟอร์นิเจอร์ เนื้อไม้มะค่าหนาแน่น มีลวดลายชัดเจน ทนทานต่อปลวกและมอด แต่ไม่ควรนำไปใช้ในการปูภายนอกอาคารและต้องระวังไม่ให้โดนแดดเพราะจะทำให้สีไม้ไม่สวยงาม

3. ไม้แดง (Iron wood) – ไม้แดงเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีสีออกน้ำตาลแดงและมีจุดสีดำแทรกอยู่ในเนื้อไม้ มีความคล้ายกับไม้ประดู่ มีความแข็งแรงและต้านทานไฟ นิยมนำมาใช้ปูพื้นภายนอกบ้าน เช่น ระเบียง หรือขอบสระว่ายน้ำ

4. ไม้เต็ง (Shorea wood) – เหมาะสำหรับใช้กับงานภายนอกอาคาร เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อแดดและฝนเป็นอย่างดี แต่ไม่ค่อยมีลวดลายสวยงามมากนัก อายุการใช้งานประมาณ 10-12 ปี บริเวณที่นิยมนำมาใช้งาน ได้แก่ ซุ้มระแนงไม้ พื้นระเบียงไม้ ประตูรั้ว

5. ไม้รกฟ้า (Rok-fa wood) – หรือไม้เชือก เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความละเอียดและเหนียวมาก สีจะออกน้ำตาลเข้มจนถึงดำ นิยมใช้ในบริเวณที่เป็นพื้นไม้ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะใ นส่วนที่เป็นพื้นระเบียง

6. ไม้ตะเคียน (Hopea wood) – ไม้ตะเคียนได้รับความนิยมในการสร้างบ้าน แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณที่ต้องสัมผัสกับแดดและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เนื้อไม้ตะเคียนยืดหดตัวน้อยและทนต่อการทำลายของปลวกและแมลงกัดกินได้ดี

7. ไม้ประดู่ (Tabek wood) – ไม้ประดู่มีกลิ่นหอมและเนื้อไม้ออกหลายเฉดสี สามารถนำม าใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือปูพื้นบ้านได้ทุกห้อง

เมื่อก่อสร้างบ้านด้วยไม้ ควรดูแลรักษาเนื้อไม้ โดยการทำค วามสะอาดด ้วยใช้ครีมหรือน้ำมันรักษาเนื้อไม้ เพื่อช่วยให้ไม้ชุ่มชื่นและป้องกันการแตก ควรทำครั้งละไม่กี่เดือนหรือตามความเหมาะสม และทาน้ำยาป้องกันปลวกหรือมอดก่อนนำไม้มาใช้งาน ใช้สารป้องกันกำจัดแมลงที่เหมาะสมเพื่อป้องกันแมลงที่อาจทำลายเนื้อไม้ เช่น ปลวก มอด แมลง เชื้อรา หรือมด นอกจากนี้ ยังควรเคลือบผิวไม้เพิ่มความสวยงามและคงทนต่ออากาศได้นานขึ้น รวมถึงหมั่นตรวจสอบเนื้อไม้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดรอยแตกหรือสึกหรอ และซ่อมแซมในกรณีที่พบปัญหา

การสร้างบ้านไม้ โดยการป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านและเพิ่มความเย็นสบายให้กับภายในบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งวิธีการที่แนะนำมาในข้างต้นเป็นวิธีที่ช่วยลดความร้อนในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่เห็นผลชัดเจน แต่ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการสร้างบ้าน ควรตรวจสอ บโครงสร้างต่าง ฃๆ ก่อนว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมสมบูรณ์ โดยไม่มีร่องรอยแตกร้าว บิดโก่ง หรือเสียหาย โดยเฉพาะเ มื่อเป็นโครงสร้างบางส่วนที่อาจเสียหายได้ง่าย เช่น ถ้าเสาไม้มีรอยแตกหรือไหม้ หรือพื้นไม้บ้านมีรอยขีดข่วนหรือแตกอยู่ ก็ควรทำการซ่อมแซมเสียหายไว้ก่อน ด้วยการประกบเสริม ดาม หรือเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้บ้านมีความปลอดภัยและทนทานกับสภาพอากาศ

และการปรับปรุงบ้านไม้ให้เย็นขึ้นเมื่อมีอากาศร้อน อาจทำได้โดยการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม เช่น การใช้วัสดุที่มีความสามารถในการสะท้อนแสงและน้อยลงในการกักเก็บความร้อน เช่น การใช้หลังคาเหล็กชั้นใต้หลังคาหรือการใช้วัสดุที่มีสีเข้ม เพื่อช่วยลดการสะท้อนแสง นอกจากนี้ การปลูกต้นไม้รอบบ้าน และการใช้วัสดุที่เหมาะสมในการกักเก็บความร้อน เช่น การใช้วัสดุกันความร้อนบนผนังหรือหลังคา จะช่วยลดการกักเก็บความร้อนและช่วยปรับสภาพอากาศภายในบ้านให้เย็นขึ้นได้รวมถึงการปลูกต้นไม้รอบบ้านและการใช้ม่านบางชนิด สามารถช่วยลดการเข้าของแสงและความร้อนลง ซึ่งทำให้บ้านไม้ของคุณเย็นขึ้นและมีสภาพอากาศที่ดีขึ้นได้



รับสร้างบ้าน: บ้านไม้ยกพื้นสูง อย่าง “บ้านทรงไทย” โบราณแต่ไม่ล้าสมัย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/

335
โรคเบาหวา น เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากขาดฮอร์โมนอินซูลินหรือการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งจะส่งผลให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนส่งผลให้เกิดการสะสมน้ำตาลในเลือดในปริมาณมาก ถ้าหากปล่อยไว้ให้ร่างกายอยู่ในสภาพนี้ไปนาน ๆ จนทำให้อวัยวะต่าง ๆเสื่อมได้และอาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา ซึ่งในประเทศไทยของเราถือว่ามีผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นจำนวนมาก

ซึ่งการที่นั้นมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากการรับประทาอาหาร เพราะในเมืองไทยนั้นมีอาหารที่มีรสชาติจัด รวมไปถึงเรารับประทานรสหวานจึงทำให้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ มากมาย สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศไทย พบว่าคนไทยช่วงอายุ  20-79  ปี เป็นเบาหวานร้อยละ 8.3 โดยสถิติมีการพบว่าผู้ป่วยเบาหวานมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้ป่วยมีจำนวนมากขึ้น เพราะเนื่องจากเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด และมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนลุกลามจนทำให้ต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญของร่างกาย เพราะฉะนั้นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ควรระมัดระวังและเอาใจใส่ในเรื่องของอาหารการกินให้มากเป็นพิเศษ สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นสามารถรับประทานอาหารทางการแพทย์ได้ โดยอาหารท างการแพทย ์ที่หลากหลายสูตร ซึ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานก็สามารถรับประทานได้เช่นเดียวกัน

ในวันนี้เราจะมาพูดเรื่องของอาหารทางการแพทย์สำหรับโรคเบาหวาน ซึ่งอาหารทางการแพทย์สำหรับโรคเบาหวานนั้น เป็นกลุ่มของอาหารทางการแพทย์ที่มีการพัฒนาสูตรออกมามากที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปอาหารทางการแพทย์ สำหรับโรคเบาหวานมักจะมีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานต่ำกว่าอาหารทางการแพทย์สูตรอื่นๆ และจะมีการใช้คาร์โบไฮเดรตที่มีค่าน้ำตาลต่ำ เพื่อชะลอไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงมักจะมีใยอาหารที่มากกว่าสูตรทั่วไปด้วย แต่ก็จะมีสัดส่วนปริมาณโปรตีนสูงคือ 20 ของพลังงานทั้งหมด จึงอาจจะพิจารณาเลือกใช้ในผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและมีความต้องการโปรตีนเพิ่มสูงขึ้น ในกลุ่มผู้สูงอายุมีภาวะน้ำตาลสูง ก็อาจจะพิจารณาเลือกใช้สูตรอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำที่สุด


อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรจะมัดระวังภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำด้วย ซึ่งมักเกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุ เพราะผู้สูงอายุอาจจะมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อยครั้ง นอกจากต้องดูแลเรื่องการรับประทานอาหารมื้อหลัก แล้วอาจจะต้องมีการพิจารณาให้เลือกใช้อาหารทางการแพทย์ สูตรสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตสูงขึ้น นอกจากการ รับประทานอาหารทางการแพทย์แล้วการรักษาโรคเบาหวานสามารถทำได้ด้วยการรับประทานอาหาร ซึ่งการรักษาผู้ป่วยหวานในประเภทที่ 1 จำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนอินซูลินเข้าไปทดแทนในร่างกาย โดยการฉีดยาเป็นหลักควบคู่กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมในขณะที่โรคเบาหวานประเภทที่ 2 หากเป็นในระยะแรกแรกสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการควบคุมน้ำหนักแต่หากอาการไม่ดีขึ้นแพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาควบคู่ไปด้วยหรือฉีดอินซูลินเข้าไปทดแทน สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรเข้าฝากครรภ์กับแพทย์ตั้งแต่ในระยะแรกทั้งต้องควบคุมในเรื่องของการรับประทานอาหารให้มากเป็นพิเศษ
 

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญของการป้องกันโรคเบาหวานทุกชนิด คือต้องคอยหมั่นระวังระดับน้ำตาลในเลือดและคลอเรสเตอรอลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ควรเน้นเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน มีกากใยอาหารสูง และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ รวมถึงการออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง หากเป็นสตรีมีครรภ์ ควรเข้ารับการฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ควรได้รับการตรวจคัดกรองเบาหวาน หากมีความเสี่ยงเพื่อสามารถตรวจพบโรคเบาหวานได้ในระหว่างการตั้งครรภ์โรคเบาหวานเป็นโรคที่ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดโรคแทรกซ้อนได้ เพราะจะส่งผลต่อร่างกาย ยกตัวอย่าง เช่น อาจจะเกิดผลกระทบต่อเส้นเลือดขนาดเล็ก เช่นเบาหวานขึ้นตา โรคไต หรือโรคแทรกซ้อนชนิดอื่น ๆ ที่เกิดกับเส้นเลือดขนาดใหญ่เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน


รวมไปถึงโรคแทรกซ้อนที่ระบบประสาทและที่สามารถทำให้ผู้ป่วยต้องสูญเสียอวัยวะบางส่วนได้ อย่างไรก็ตามเราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอาหา รที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวันนั้น ส่งผลต่อร่างกายโดยตรง ทำให้เกิดอาการป่วยได้ เพราะฉะนั้นควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและควบคุมปริมาณของอาหารที่รับประทานเข้าไปอย่างเหมาะสมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเพื่อที่ร่างกายจะได้มีสุขภาพดีสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


อาหารสายยาง อาหารทางก ารแพทย์สำหรับโรคเบาหวาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/อาหารทางสายยาง/

336
วัสดุกันเสียงรบกวนคืออะไร เลือกอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

หนึ่งในปัญหาผู้อาศัยคอนโดหรือห้องพักต่าง ๆ นั้น คงหนีไม่พ้นได้ยินเสียงดังจากห้องข้างเคียง วิธีแก้ที่ตอบโจทย์ที่สุดก็คือใช้วัสดุกันเสียงรบกวน โดยสิ่งนี้มีช่วยขจัดปัญหาเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองมาทำคว ามรู้จักว่าวัสดุกันเสียงรบกวนคืออะไร มีแบบไหนบ้าง เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อมาใช้งานได้อย่างถูกต้องและเหมาะกับบ้านของเรา

วัสดุกันเสียงรบกวนคืออะไร
วัสดุกันเสียงรบกวน คือ สิ่งที่ช่วยกันเสียงจากสภาพแวดล้อมไม่ให้ผ่านทะลุวัสดุที่กั้นเอาไว้ได้ โดยวัสดุดังกล่าวไม่ได้มีลักษณะเป็นคอนกรีตหนาหรือกำแพงขนาดใหญ่ ทั้งนี้ วัสดุกันเสียงรบกวนจะเกี่ยวเนื่องกับองค์ประกอบและโครงสร้างของตึกหรืออาคารว่าสร้างจากวัสดุแบบใด มีประสิทธิภาพในการลดหรือกันเสียงลอดผ่านผนังได้มากน้อยแค่ไหน

วัสดุกันเสียงรบกวนมีกี่ประเภท
โดยทั่วไปแล้ววัสดุกันเสียงรบกวนผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปติดตั้งและใช้งานที่ส่วนไหนของที่อยู่อาศัย โดยจะแบ่งประเภทตามลักษณะวัสดุที่ใช้ผลิต ดังนี้

1. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภท Shumoplas t
เนื้อวัสดุเป็นเม็ดเล็ก ๆ เคลือบด้วยสีอะคริลิก ผิวสัมผัสยืดหยุ่นคล้ายยางยืด มักนำมาใช้ทำเป็นฐานของพื้นลอย ถือเป็นวัสดุกันเสียงคุณภาพ เหมาะแก่การนำไปใช้กันเสียงบริเวณทั่วไปพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ภายในบ้าน วัสดุนี้จะช่วยลดเสียงดังรบกวนลงได้ประมาณ 32 เดซิเบล

ข้อดีคือกันน้ำ เนื้อวัสดุไม่เป็นพิษ ติดตั้งง่าย และใช้งานได้นาน ข้อเสียคือใช้เวลาติดตั้งนานพอสมควร เพราะต้องรอให้แห้งประมาณ 24 ชั่วโมง


2. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภทโฟม
เนื้อวัสดุทำจากโพลียูรีแทนโฟม มักนำไปใช้กันเสียงจากภายนอกไม่ให้เข้ามาข้างใน จึงเหมาะแก่การนำมาติดตั้งกันเสียงในห้องอัด สตูดิโอ หรือโรงภาพยนตร์ โดยช่างจะติดตั้งตามผนังและเพดานด้วยกาวแบบพิเศษหรือฟิล์มกาว

ข้อดีคือช่วยซับเสียงได้ร้อยละ 95 มีความยืดหยุ่นสูง และประสิทธิภาพการใช้งานสูงกว่าวัสดุกันเสียงรบกวนประเภทอื่น ส่วนข้อเสียคือเนื้อวัสดุก่อให้เกิดสารพิษได้หากจุดติดไฟและละลาย แนะนำว่าควรเลี่ยงการจุดไฟในห้องที่ติดตั้งวัสดุกันเสียงรบกวนประเภทโฟม และเลี่ยงไม่ให้โดนแสงแดด นอกจากนี้ วัสดุโฟมไม่รองรับน้ำหนักสิ่งของเท่าไหร่ จึงควรขนย้ายด้วยความระมัดระวัง


3. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภท Teksound
วัสดุประเภทนี้ทำจากแร่ มีคุณสมบัติกันเสียง โดยลดระดับเสียงรบกวนได้มากถึง 28 เดซิเบล

ข้อดีคือเนื้อวัสดุไม่หนามาก ประมาณ 0-4 เซนติเมตร เหมาะแก่การนำไปใช้ติดตั้งได้กับทุกสภาพพื้นผิว ติดตั้งง่ายและเร็ว ยืดหยุ่นสูง ทนทาน ข้อเสียคือราคาค่อนข้างแพง รวมทั้งต้องใช้วิธีการติดตั้งพิเศษในกรณีที่ติดตั้งบนพื้นคอนกรีต


4. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภทอะคูสติก
นับเป็นวัสดุกันเสียงรบกวนที่ช่วยทั้งเรื่องกันเสียงและใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามในคราวเดียว เนื้อวัสดุด้านนอกทำจากวีเนียร์ ซึ่งเหมาะแก่การดัดแปลงสำหรับตกแต่งห้องได้ทุกรูปแบบ จึงมักนำไปใช้ติดตั้งพื้นที่ภายในมากกว่า

ข้อดีคือไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งติดตั้งและปรับแต่งได้ง่ายกว่า ส่วนข้อเสียอย่างเดียวก็คือราคาแพง


5. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภทไอโ ซปลาสต์
เนื้อวัสดุทำจากไม้เนื้ออ่อนพิเศษ ช่วยลดระดับเสียงรบกวนได้ประมาณ 27 เดซิเบล อีกทั้งยังมีคุณสมบัติรักษาอุณหภูมิห้องด้วย

ข้อดีของวัสดุประเภทนี้คือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ติดตั้งง่าย และเหมาะแ ก่การตกแต่งภายใน แต่ราคาค่อนข้างสูง รวมทั้งติดไฟได้ง่าย


6. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภทฉนว นใยหิน
วัสดุประเภทนี้ช่วยลดระดับเสียงรบกวนได้ร้อยละ 99 มักนำมาใช้กันเสียงจากภายนอก โดยนิยมติดตั้งกับพื้นผิวคอนกรีตและไม้ การใช้งานจะคล้ายกับวัสดุประเภท Shumoplas t คือจะใช้ติดตั้งบริเวณพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เป็นฐานหรือพื้นลอย

ข้อดีคือทนทานความร้อนสูง เนื้อวัสดุปราศจากเรซิน ติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องกลึง ใช้งานได้นาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่หดตัว ส่วนข้อเสียคือดูดซึมความชื้น ซึ่งอาจทำให้อับ จึงจำเป็นต้องเพิ่มวัสดุกันเสียงที่มีคุณสมบัติกันน้ำเข้ามาใช้ร่วมด้วย


7. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภทเมม เบรน
วัสดุทำจากฉนวนใยหินผสมโพลีเมอร์ มีลักษณะคล้ายฟิล์มพิเศษ นำไปใช้ได้กับทุกสภาพพื้นผิว

ข้อดีคือทนทานความร้อนได้สูง เหมาะแก่การติดตั้งกันเสียงทั้งด้านนอกและด้านในอาคาร เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้งานได้ยาวนาน แต่อาจเสียตรงที่ราคาค่อนข้างแพง


8. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภทพลา สเตอร์พิเศษ
วัสดุประเภทนี้ผลิตจากองค์ประกอบหลายอย่าง จึงเหมาะแก่การกันเสียงและงานตกแต่ง โดยจะช่วยกันเสียงจากด้านในไม่ให้กระจายหรือเล็ดลอดออกไปด้านนอก การติดตั้งวัสดุกันเสียงประเภทนี้ควรเลือกติดตั้งให้หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร

ข้อดีคือช่วยตกแต่งซ่อมแซมสภาพพื้นผิวให้ดูดี วัสดุไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และทนทานค วามร้อนได้สูง แต่วัสดุประเภทนี้ก็ติดตั้งยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องวางเลเยอร์ของวัสดุประมาณ 2-3 ชั้นในการติดตั้ง รวมทั้งมีราคาแพง


9. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภท Shumoizol
มีลักษณะเป็นวัสดุสองชั้น มีคุณสมบัติกันเสียงดีเยี่ยม ทนทานต่อการกดทับ รวมทั้งนำไปใช้ติดตั้งกับผนังได้โดยไม่มีพลาสเตอร์บอร์ด นอกจากกันเสียงแล้ว ยังมีคุณสมบัติกันน้ำ ยืดหยุ่นสูง ทนความร้อนได้สูง และใช้งานได้ยาวนาน ส่วนข้อเสียคือมีราคาค่อนข้างสูง


10. วัสดุกันเสียงรบกวน ประเภทบอร์ดไฟเบอร์
วัสดุทำจากเส้นใยและซีเมนต์ มักนำมาใช้เป็นเพดานกันเสียงหรือวัสดุอะคูสติก อีกทั้งยังมีคุณสมบัติดูดซับเสียงดีเยี่ยม


ฉนวนกันเสียง วัสดุกันเสียงรบกวนคืออะไร เลือกอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/

337
โครงการ NOTTING HILL พหล-เกษตร จาก Origin Property เป็นคอนโดสไตล์ Modern Luxury Vintage บนทำเลติดถนนใหญ่ พหลโยธิน ตรงข้าม กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารรา บที่ 11 ไม่ไกลจากวงเวียนหลักสี่-ม.เกษตร และห่างจากรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวในอนาคต สถานีบางบัว เพียง 320 เมตรค่ะ

น็อตติ้ง ฮิลล์ พหล-เกษตร เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 194 ยูนิต พื้นที่โครงการขนาด 1-2-16.1 ไร่ มีห้องให้เลือกหลักๆ 2 แบบด้วยกันค่ะ นั่นก็คือ 1 Bedroom 20-26.1 ตร.ม. และ 2 Bedrooms 30-68.5 ตร.ม. เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในครบครัน ออกแบบโดย เน้นความงามจากธรรมชาติ ประกอบด้วย Lobby สไตล์ Boutique, สระว่ายน้ำ, ห้อง Fitness และสวนสาธ ารณะลอยฟ้า และตอบรับการใช้ชีวิตที่มากกว่า ด้วยบริการระดับโรงแรม Hotel Service ใน ราคาเริ่มต้น 2.17 ล้านบาท

ชื่อโครงการ                 น็อตติ้งฮิลล์ พหล-เกษตร Notting Hill Phahol-kaset
เจ้าของโครงการ         บริษัท ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด มหาชน Origin Property


ลักษณะห้องและขนาดห้อง    

– Standard ขนาด 20.00 ตร.ม.
– Superior ขนาด 25.3 – 26.1 ตร.ม.
– Deluxe ขนาด 30.9 – 33.8 ตร.ม.
– Suite (2 Bed) ขนาด 41.9 – 43.7 ตร.ม.
– Grand Suite (2 Bed) ขนาด 49.1 – 53.0 ตร.ม.
– Penthouse (2 Bed) ขนาด 68.5 ตร.ม.

เนื้อที่ทั้งหมด    1-2-16.1 ไร่

จำนวนตึก    1 อาคาร
จำนวนชั้น    8 ชั้น
จำนวนห้อง    194 ยูนิต

ที่จอดรถทั้งหมด    คิดเป็น 42% หรือ 81 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน
โซน                    บางเขน

ขนส่งสาธารณะ    
– รถไฟฟ้า BTS สถานีทหารราบที่ 11
– รถไฟฟ้า BTS สถานีบางบัว
– ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์

รถโดยสารที่ผ่าน      n/a
ที่ตั้ง                      ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน กทม.
กำหนดการ              เริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2558
ปีที่สร้างเสร็จ      ไตรมาส 3/ พ.ศ. 2559

ราคา    เริ่มต้น 2.17 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม    85,000 บาท/ตร.ม.

ค่าส่วนกลางและกองทุน    
– ค่าส่วนกลาง 46 บาท/ ตร.ม.
– ค่ากองทุน 460 บาท / ตร.ม.

สถานที่สำคัญใกล้เคียง    

    Tesco Lotus หลักสี่ 2.6 กม.
    Big C สะพานใหม่ 4 กม.
    IT Square หลักสี่ 4 กม.
    Central รามอินทรา 3 กม.
    Venice Di Iris 8.9 กม.
    The JAS รามอินทรา 5.4 กม.
    Ease Park 6.8 กม.
    The Avenue 8 กม.
    Central ลาดพร้าว 5.7 กม.
    ตลาดบางบัว 400 ม.
    ตลาดยิ่งเจริญ 4.8 กม.

    รร.ปราโมช วิทยาทาน 20 ม.
    รร.บางบัว 400 ม.
    วิทยาลัยเทคโนโลยีไทยบริหารธุรกิจ 500 ม.
    ม.ศรีปทุม 650 ม.
    ม.เกษตรศา สตร์ 2 กม.
    ม.เกริก 3 กม.
    ม.ราชภัฏพระนคร 2.7 กม.

    รพ.เซ็นทรัลเยนเนอรัล 4 กม.
    รพ.ภูมิพล 6.4 กม.

    กรมทหารรา บที่ 11 50 ม.
    กรมทางหลว งชนบท พหลโยธิน 220 ม.
    สนามมวยลุมพินีใหม่ 4.1 กม.
    สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ 4.4 กม.
    สนามบินดอนเมือง 9 กม.

สิ่งอำนวยความสะดวก    

    ฟิตเนส
    สระว่ายน้ำ
    Open Air Sculpture Park
    Leisure Hyde Park
    สวนลอยฟ้า
    4 Season Gazebo
    Digital Door Lock
    Access Card Control
    ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.

จุดเด่นของโครงการ    
Notting Hill Kaset โครงการให ม่จาก ออริจิ้น คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร ห้องพักอาศัย 180 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.17 ล้านบาท

คอนโดติดรถไฟฟ้า NOTTING HILL พหล-เกษตร ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีบางบัว อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/condo/publictransport/

338
การสร้างบ้าน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหลักนั้นมีสิ่งให้ควรคำนึงถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ตั้งของบ้าน การออกแบบ ห้องต่าง ๆ ภายในบ้านตามหลักความเชื่อ การตกแต่งภายใน อีกทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างบ้าน รวมไปถึงโครงสร้างต่าง ๆ ที่สำคัญในการสร้างบ้าน เช่น หลังคา เสาเข็ม พื้น ผนัง และคานคอดิน สิ่งนี้ที่มีคนส่วนน้อยจะรู้จักจนส่งผลให้หลายคนมองข้ามส่วนสำคัญนี้ไป


คานคอดินคืออะไร อยู่ส่วนไหนของบ้าน?

Ground Beam หรือ Grade Beam เป็นชื่อเรียกในภาษาอังกฤษของคานพื้นชั้นที่ 1 บ้างก็เรียกคานพื้นชั้นล่าง โดยมีตำแหน่งอยู่ชั้นบนสุดของโครงสร้างพื้นบ้าน อยู่เหนือเสาตอม่อ ฐานราก และเสาเข็มตามลำดับ เพื่อเป็นการประคองฐานรากไม่ให้เคลื่อนที่จากระดับพื้นดิน มีหน้าที่ในการแบกรับน้ำหนักทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นภายในบ้าน และถ่ายน้ำหนักลงสู่ฐานรากตามระบบที่คำนวณโดยวิศวกร ไม่ว่าจะเป็นตัวน้ำหนักของบ้านหรือคำศัพท์ทางเทคนิคจะเรียกว่า น้ำหนักบรรทุกคงที่ (Dead Load) และน้ำหนักชั่วคราวที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ภายในบ้านหรือคำศัพท์ทางเทคนิคจะเรียกว่า น้ำหนักบรรทุกจร (Live Load) เช่น คน สัตว์เลี้ยง เครื่องใช้ต่าง ๆ เป็นต้น คานพื้นชั้นที่ 1 นิยมสร้างโดยใช้โครงสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก


ระดับความสูงของคานพื้นชั้นที่ 1 ถูกแบ่งออกเป็นกี่ระดับ?

คานพื้นชั้นที่ 1 ส่วนมากจะอยู่ที่ระดับคอดิน หรือราบเสมอดิน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คานพื้นชั้นล่างนี้จะต้องอยู่เสมอดินดังชื่อเสมอไป ระดับความสูงของคานชนิดนี้ถูกแบ่งออกไว้ทั้งหมด 3 ระดับ ดังนี้


ระดับที่ 1 คานพื้นชั้นที่ 1 สูงจากคอดินไม่เกิน 1 เมตร

เป็นระดับที่ไม่แนะนำให้สร้างสักเท่าไหร่ เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับน้ำขังเวลาฝนตก วิศวกรจะออกแบบให้ระดับพื้นดินมีความสูงเสมอกับคานพื้นชั้นที่ 1 ปรับความลึก และความกว้างให้ได้ขนาดสำหรับการประกอบไม้ที่เป็นโครงสร้างด้านซ้าย และด้านขวาเท่านั้น หลังจากนั้นจึงทำการผูกเหล็ก และเทปูนในโครงสร้างเป็นลำดับสุดท้าย


ระดับที่ 2 คานพื้นชั้นที่ 1 สูงจากคอดินเกิน 1 เมตร แต่ไม่เกิน 1.5 เมตร

เป็นระดับที่ไม่จำเป็นจะต้องปรับระดับพื้นดินให้มีความสูงเทียบเท่ากับคานพื้นชั้นล่าง เพื่อให้พื้นที่ภายใต้โครงสร้างบ้านเป็นหลุมโพรง ส่งผลให้ง่ายต่อการเข้าไปปรับปรุงซ่อมแซมโครงสร้างได้อย่างสะดวกสบายในภายหลัง หลังจากนั้นจึงประกอบไม้ที่เป็นโครงสร้างทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่  ด้านซ้าย ด้านขวา และด้านล่าง หลังจากนั้นจึงทำการผูกเหล็ก และเทปูนในโครงสร้างเช่นเดียวกับระดับที่ 1


ระดับที่ 3 คานพื้นชั้นที่ 1 สูงจากคอดินเกิน 1.5 เมตร

ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสาตอม่อโดยตรง อาจจะทำให้เสียสมดุลในความมั่นคงของโครงสร้างบ้านได้ ดังนั้นถ้าต้องการสร้างคานพื้นชั้นที่ 1 ในระดับนี้ จำเป็นที่จะต้องมีคานทั้งหมด 2 ระดับ ได้แก่ คานระดับพื้นชั้นล่างที่ความสูง 0.5 เมตร และคานระดับความสูง 1.5 เมตร เพื่อเป็นการค้ำตอม่อให้มีความแข็งแรง และประคอง ฐานรากไม่ให้เคลื่อนที่จากระดับพื้นดิน

จะเห็นได้ว่า คานคอดิน เป็นอีกหนึ่งโครงสร้างที่สำคัญในการสร้างบ้านที่คอยรับน้ำหนักภายในตัวบ้าน ทั้งน้ำหนักบรรทุกคงที่ และน้ำหนักบรรทุกจร เปรียบเสมือนกับรากของต้นไม้ใหญ่ที่มีหน้าที่คอยค้ำจุนให้ลำต้นมีความแข็งแรง และไม่โค่นล้มไปตามแรงลม


ขายบ้านโคราช: ทำความรู้จักกับ "คานคอดิน" ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/homes2/

339
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย พบได้ตลอดทั้งปี แต่จะมีอุบัติการณ์สูงในช่วงฤดูฝน (มิถุนายนถึงตุลาคม) และฤดูหนาว (มกราคมถึงมีนาคม) บางปีอาจพบมีการระบาดใหญ่

พบเป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการไ ข้ที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน แพทย์มักจะให้การวินิจฉัยผู้ใหญ่ที่มีอาการตัวร้อนมา 2-3 วัน โดยไม่มีอาการอย่างอื่นชัดเจนว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ซึ่งบางครั้งก็อาจจะผิดพลาดได้


สาเหตุ

เกิดจาก เชื้อไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) เชื้อนี้จัดอยู่ในกลุ่มไวรัสที่เรียกว่า orthomyxo virus
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ เอ บี และ ซี


ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ มักก่อให้เกิดอาการรุนแรง อาจพบระบา ดได้กว้างขวาง และสามารถ กลายพันธุ์แตกแขนงเป็นสายพันธุ์ย่อย ๆ ได้ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดบี ก่อความรุนแรงและการระบาดของโรคได้น้อยกว่าเอ สามารถกลา ยพันธุ์ได้แต่ไม่มากเท่าชนิดเอ ส่วนไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดซี มักก่อให้เกิดอาการเพียงเล็กน้อยและไม่ค่อยพบระบาด
 

ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สามารถพบไ ด้ทั้งในคนและสัตว์ (ส่วนอีก 2 ชนิดพบเฉพาะในคนเท่านั้น) แบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อย ๆ โดยมีชื่อเรียกตามชนิดของโปรตีนที่พบบนผิวของเชื้อไวรัส โปรตีนดังกล่าวมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ ฮีแม็กกลูตินิน (hemagglut inin เรียกย่อว่า H) ซึ่งมีอยู่ 16 ชนิดย่อย และนิวรามินิเดส (neuramini dase เรียกย่อว่า N) ซึ่งมีอยู่ 9 ชนิดย่อย ในการกำหน ดชื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ จึงใช้ตัวอักษร H ควบกับ N โดยมีตัวเลขกำกับท้ายตัวอักษรแต่ละตัว ตามชนิดของโปรตีน เช่น

    ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 (สายพันธุ์เก่า) เป็นต้นเหตุของการระบาดใหญ่ทั่วโลกในปี พ.ศ. 2461-2462 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนราว 20-40 ล้านคน เนื่องจากมีต้นตอจากสเปน จึงมีชื่อว่า ไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish flu) และกลับมาระบาดใหญ่อีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2520 เนื่องจากมีต้นตอจากรัสเซียจึงเรียกว่า ไข้หวัดใหญ่รัสเซีย

ในปี พ.ศ. 2552 มีการระบาดใหญ่ทั่วโลกของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 สายพันธุ์ใหม่ (สายพันธุ์ 2009)* ซึ่งมีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์เก่า มีต้นตอจากประเทศเม็กซิโก**

    ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H2N2 เป็นต้นเหตุการระบาดของไข้หวัดใหญ่เอเชีย ในปี พ.ศ.2500-2501 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนราว 1 ล้านคน
    ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N2 เป็นต้นเหตุการระบาดของไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง ในปี พ.ศ.2511-2512 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนราว 7 แสนคน
    ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H5N1 เป็นต้นเหตุของไข้หวัดใหญ่สัตว์ปีก หรือไข้หวัดนก

วิธีการแพร่เชื้อ เชื้อไข้หวัดใหญ่จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรด หรือโดยการสัมผัสถูกมือ สิ่งของเครื่องใช้ หรือสิ่งแวดล้อมที่แปดเปื้อนเชื้อ แบบเดียวกับไข้หวัด

นอกจากนี้ เชื้อไข้หวัดใหญ่ยังสามารถแพร่กระจายทางอากาศ (airborne transmiss ion) กล่าวคือ เชื้อจะติดอยู่ในฝอยละอองขนาดเล็ก (ขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอน) เมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม เชื้อสามารถกระจายออกไประยะไกลและแขวนลอยอยู่ในอากาศได้นาน เมื่อคนอื่นสูดเอาอากาศที่มีฝอยละอองนี้เข้าไปโดยไม่จำเป็นต้องไอหรือจามรดใส่กันตรง ๆ ก็สามารถติดโรคได้ ดังนั้น โรคนี้จึงสามารถระบาดได้รวดเร็ว
ระยะฟักตัว 1-4 วัน (ส่วนน้อยอาจนานเกิน 7 วัน)

* เป็นสายพันธุ์ H1N1 ที่กลายพันธุ์ ประกอบด้วยสารพันธุกรรมของไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่พบในหมู สัตว์ปีกและคน
** เชื้อสามารถแพร่กระจายตั้งแต่ 1 วัน ก่อนมีอาการ แพร่ได้มากสุดใน 3 วันแรกของการเจ็บป่วย และอาจแพร่ได้ถึงวันที่ 7 ของการเจ็บป่วย


อาการ

มักจะเกิดขึ้นทันทีทันใดด้วยอาการไข้สูง หนาว ๆ ร้อน ๆ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก (โดยเฉพาะที่กระเบนเหน็บ ต้นแขนต้นขา) ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ขมในคอ อาจมีอาการเจ็บในคอ คัดจมูก น้ำมูกใส ไอแห้ง ๆ จุกแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน

แต่บางรายก็อาจไม่มีอาการคัดจมูก หรือเป็นหวัดเลยก็ได้ มีข้อสังเกตว่า ไข้หวัดใหญ่มักเป็นหวัดน้อย แต่ไข้หวัดน้อยมักเป็นหวัดมาก

อาการไข้จะเป็นอยู่ประมาณ 1-7 วัน (ที่พบบ่อยคือ 3-5 วัน)

อาการไอ และอ่อนเพลีย อาจเป็นอยู่ 1-4 สัปดาห์ แม้ว่าอาการอื่น ๆ จะทุเลาแล้วก็ตาม

บางรายเมื่อหายจากไข้หวัดใหญ่แล้วอาจมีอาการบ้านหมุน เนื่องจากอาการอักเสบของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน

ในรายที่เป็นรุนแรงอาจมีอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อน เช่น มีน้ำมูกหรือเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว ปวดหู หูอื้อ หายใจหอบเ หนื่อย เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนมากจะหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ส่วนน้อยอาจมีภาวะแทรกซ้อน ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หูชั้นในอักเสบ หลอดลมอักเสบ หลอดลมพอง

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ปอดอักเสบ ซึ่งมักจะเกิดจากแบคทีเรียพวกนิวโมค็อกคัส หรือสแตฟีโลค็อกคัส (เชื้อชนิดหลังนี้ มักจะทำให้เป็นปอดอักเสบร้ายแรงถึงตายได้) บางรายก็อาจจะเกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่

นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (pericardi tis) กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocardit is) สมองอักเสบ หลอดเลือดดำอักเสบร่วมกับภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (thromboph lebitis) เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น ปอดอักเสบ) มักจะเกิดในผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก (ต่ำกว่า 2 ขวบ) ผู้สูงอายุ (มากกว่า 65 ปี) หญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ผู้ที่สูบบุหรี่จัด คนอ้วน ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน โรคหืด โรคเรื้อรังทางปอดหรือหัวใจ ไตวายเรื้อรัง โรคตับเรื้อรัง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรว จร่างกายเป็นหลัก

มักตรวจพบไข้ 38.5-40 องศาเซลเซียส หน้าแดง เปลือกตาแดง อาจมีน้ำมูกใส คอแดงเล็กน้อยหรือไม่แดงเลย (ทั้ง ๆ ที่ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บคอ)

ส่วนมากมักตรวจไม่พบอาการผิดปกติอื่น ๆ ยกเว้นในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน ก็อาจตรวจพบอาการของภาวะแทรกซ้อน เช่น แพทย์ทำการฟังปอดได้ยินเสียงกรอบแกรบ (crepitati on) ในผู้ที่เป็นปอดอักเสบ เสียงอึ๊ด (rhonchi) ในผู้ที่เป็นหลอดลมอักเสบ เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคนี้ให้แน่ชัดด้วยการตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในน้ำมูก หรือเสมหะในจมูกหรือคอหอย

ในรายที่จำเป็นต้องทำการวินิจฉัยโรคนี้ให้แน่ชัด โดยเฉพาะอ ย่างยิ่งกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง จะทำการตร วจพิเศษ เช่น ตรวจเลือด ตรวจหาเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จากสารคัดหลั่งที่จมูกหรือในลำคอ ซึ่งเก็บตัวอย่างโดยการใช้ไม้ป้ายจมูก/คอ (nasal/throat swab)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ให้การดูแลปฏิบัติตัว และรักษาตามอาการเหมือนไข้หวัด คือ นอนพักมาก ๆ ห้ามตรากตรำงานหนัก ห้ามอาบน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเวลามีไข้สูง กินอาหารอ่อน (ข้าวต้ม โจ๊ก) ดื่มน้ำและน้ำหวาน หรือน้ำผลไม้มาก ๆ

ให้ยาพาราเซตามอล ลดไข้แก้ปวด (ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี จะหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพรินเพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม) (ดูโรคเรย์ซินโดรม)

ถ้าไอให้จิบน้ำผึ้งผสมมะนาวหรือยาแก้ไอ

2. ยาปฏิชีวนะ ไม่จำเป็นต้องให้เพราะเป็นโรคที่เกิดจากไวรัส จะให้ต่อเมื่อมีภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น มีน้ำมูกหรือเสมหะสีเหลืองหรือเขียว นานเกิน 24 ชั่วโมง ไซนัสอักเสบ (มีอาการปวดหัวคิ้วหรือโหนกแก้ม) หูชั้นกลางอักเสบ (มีการปวดหู หูอื้อ) เป็นต้น

3. ถ้ามีไข้เกิน 4 วัน หรือมีอาการหอบ หรือสงสัยปอดอักเสบ โดยเฉพาะถ้าพบในผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ เป็นต้น ถ้าพบว่าเป็นปอดอักเสบก็ให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อที่ตรวจพบ และรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

4. ถ้ามีอาการรุนแรง หรือพบในผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ สตรีตั้งครรภ์ ผู้ที่สูบบุหรี่จัด คนอ้วน ผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ แพทย์จะให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัส เช่น โอเซลทามิเวียร์ (oseltamiv ir), ซานิมิเวียร์ (zanimivir)

5. ถ้าสงสัยเป็นโรคอุบัติใหม่ (เช่น โรคโควิด-19 ไข้หวัดนก) แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ถ้าเป็นจริงก็ให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ บางกรณีอาจต้องรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ให้การรักษาตามอาการ หรือให้ยาต้านไวรัสสำหรับกลุ่มเสี่ยง มักหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนน้อยที่อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งเมื่อให้ยาปฏิชีวนะรักษาก็หายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ มีน้อยรายที่อาจเป็นปอดอักเสบ หรือมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งจำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล


การดูแลตนเอง

ผู้ที่มีอาการไข้หรือไข้หวัด แต่มีไข้สูง เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัวมาก ต้องนอนพัก หรือมีคนข้างเคียงเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดนก ควรไปพบแพ ทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรดูแลรักษา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ ดังนี้

    นอนพักมาก ๆ ห้ามตรากตรำงานหนัก
    ห้ามอาบน้ำเย็น
    ดื่มน้ำมาก ๆ
    ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเวลามีไข้สูง
    กินอาหารอ่อน (ข้าวต้ม โจ๊ก) ดื่มนม น้ำหวาน หรือน้ำผลไม้มาก ๆ
    ดูแลรักษาและใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ


ควรกลับไปพบแพทย์ เมื่อมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้เกิน 4 วัน ไข้สูงตลอดเวลา หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    มีน้ำมูกหรือเสมหะสีเหลืองหรือเขียว
    มีอาการปวดไซนัส (บริเวณโหนกแก้ม หรือหัวคิ้ว) หรือปวดหู หูอื้อ
    เจ็บหน้าอกมาก หรือ หายใจหอบเ หนื่อย
    เบื่ออาหาร ดื่มน้ำได้น้อย อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดินมาก หรือ ตาเหลืองตัวเหลือง
    มีจุดแดงจ้ำเขียวตามตัว หรือมีเลือดออก หรือ สงสัยเป็นไข้เลือดออก
    หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล


การป้องกัน

1. ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับไข้หวัด

หมั่นดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าตรากตรำงานหนักเกินไป ระวังรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเ วลาที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงไม่ควรอาบน้ำหรือสระผมด้วยน้ำที่เย็นเกินไป โดยเฉพาะใ นเวลาที่มีอากาศเย็น

ในช่วงที่มีการระบาดของโรคนี้ หรือมีคนใกล้ชิด (เช่น คนในบ้าน โรงเรียน หรือที่ทำงาน) ป่วยเป็นโรคนี้ ควรปฏิบัติดังนี้

    ในช่วงที่มีการระบาด ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น สถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า งานมหรสพ เป็นต้น ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจติดมาจากการสัมผัสถูกเสมหะผู้ป่วย และอย่าใช้นิ้วมือขยี้ตาหรือแคะไชจมูก
    อย่าเข้าใกล้หรือนอนรวมกับผู้ป่วย ถ้าจำเป็นต้องดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ควรสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
    อย่าใช้สิ่งของเครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ เครื่องใช้ โทรศัพท์ ของเล่น เป็นต้น) ร่วมกับผู้ป่วย และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสมือผู้ป่วย
    ผู้ป่วยควรแยกตัวออกห่างจากผู้อื่น อย่านอนปะปนหรือคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น เวลาไอหรือจามควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก เวลาเข้าไปในที่ที่มีคนอยู่กันมาก ๆ ควรสวมหน้ากากอนามัย

สำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส (เช่น โอเซลทามิเวียร์) แก่ผู้สัมผัสกินป้องกัน

2. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ 3-4 สายพันธุ์ ที่พบบ่อยในบ้านเราได้แก่ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (H1N1 และ H3N2) และชนิดบี1-2 สายพันธุ์ มักจะฉีดในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของเชื้อเหล่านี้

โดยทั่วไป ถ้าไม่มีการระบาดก็ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนแก่คนทั่วไป ยกเว้นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี หญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ผู้ที่สูบบุหรี่จัด คนอ้วน ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน โรคหืด โรคเรื้อรังทางปอดหรือหัวใจ ไตวายเรื้อรัง โรคตับเรื้อรัง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ) บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่จะเดินทางไปในถิ่นที่มีการระบาดของโรค ผู้ที่มีกิจกรรมจำเป็นที่ไม่อาจจะหยุดงานได้ (เช่น ตำรวจ นักแสดง นักกีฬา นักเดินทาง) ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปีที่ต้องกินแอสไพรินเป็นประจำ หญิงตั้งครรภ์ที่คาดว่าอายุครรภ์ย่างเข้าไตรมาสที่ 2 ขึ้นไปในช่วงที่มีการระบาดของโรค กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ควรฉีดวัคซีนป้องกัน

การฉีดวัคซีนแต่ละครั้ง สามารถป้องกันได้นาน 1 ปี ถ้าจำเป็นควรฉีดปีละครั้งในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน

ข้อแนะนำ

1. สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรง ส่วนมากให้การดูแลรักษาตามอาการ ไข้มักหายได้เองภายใน 3-5 วัน หรือไม่เกิน 7 วัน ข้อสำคัญต้องนอนพัก ดื่มน้ำมาก ๆ และห้ามอาบน้ำเย็น ถ้าไข้ลดลงแล้วควรอาบน้ำอุ่นอีก 3-5 วัน

ผู้ป่วยบางรายหลังจากหายตัวร้อนแล้ว อาจมีอาการไอแห้ง ๆ หรือมีเสมหะเล็กน้อยเป็นสีขาว อยู่เรื่อย ๆ อาจนานถึง 7-8 สัปดาห์ เนื่องจากเยื่อบุทางเดินหายใจถูกทำลายชั่วคราว ทำให้ไวต่อสิ่งระคายเคือง (เช่น ฝุ่น ควัน) ให้ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ จะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เอง

สำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ที่สำคัญได้แก่ ปอดอักเสบ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

2. อาการไข้สูงและปวดเมื่อย โดยไม่มีอาการอื่น ๆ ชัดเจน อาจมีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ ในระยะเริ่มแรกก็ได้ เช่น ไทฟอยด์ สครับไทฟัส ตับอักเสบจากไวรัส ไข้เลือดออก หัด มาลาเรีย เล็ปโตสไปโรซิส เป็นต้น จึงควรสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอาการอื่น ๆ ปรากฏให้เห็น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจรักษาที่เหมาะสม

3. ผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่มักมีไข้ไม่เกิน 7 วัน ผู้ป่วยที่สงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่หากมีไข้เกิน 7 วัน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อค้นหาสาเหตุจากโรคอื่น เช่น ไทฟอยด์ สครับไทฟัส มาลาเรีย วัณโรคปอด เป็นต้น (ตรวจอาการ ไข้ และไข้ร่วมกับน้ำมูกหรือไอ ประกอบ)

4. ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ บางครั้งอาจมีอาการคล้ายกันมาก แต่ไข้หวัดใหญ่มักมีไข้สูง ปวดเมื่อยมาก นอนซม เบื่ออาหาร หากสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว โดยเฉพาะอ ย่างยิ่ง ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

5. ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโรคนี้ หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ (เช่น ไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ น้ำมูกไหล ไอ ท้องเดิน หายใจเหนื่อยหอบ) หรือทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ด้วยตนเองให้ผลเป็นบวก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว



ข้อมูลโรค: ไข้หวัดใหญ่ (Influenza/Flu) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions

340
การเข้ารับการจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่มีการนำนวัตกรรมรูปแบบใหม่เข้ามาใช้ในการรักษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนการรักษาตลอดจนขั้นตอนการรักษา ซึ่งการจัดฟันแบบใสเป็นการจัดฟันแห่งอนาคตเลยก็ว่าได้ เพราะดีต่อผู้เข้ารับการจัดฟันและดีกับตัวทันตแพทย์เอง ซึ่งหลายคนที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้ว อาจจะทราบ ว่าขณะที่เรากำลังเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้นเราจะต้องดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันให้ดีเป็นพิเศษเพื่อที่จะได้ป้องกันการเกิดปัญหาฟันขณะเข้ารับการจัดฟัน

สำหรับข้อดีของผู้เข้ารับการจัดฟันก็คือได้มีการใช้งานของเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ที่สามารถมองเห็นได้ยาก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับการจัดฟันแต่ไม่อยากให้ใครเห็นเครื่องมือการจัดฟันได้อย่างชัดเจน เพราะหลาย คนเชื่อว่าการที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปากจะทำให้เราสูญเสียบุคลิกภาพและทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการพูดการออกเสียงอีกด้วย นอกจากนี้ การเข้ารับการจัดฟันแบบใสยังดีต่อสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสออกได้ขณะแปรงฟัน

ทำให้สามารถแปรงฟันได้ตามปกติและทั่วถึงทุกซอกทุกมุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะต่างจากการจัดฟันแบบเหล็กจัดฟันที่ถูกติดตั้งอยู่บนผิวฟันสามารถทำความสะอาดได้ยากกว่า สำหรับข้อดีของทันตแพทย์ก็คือเครื่องมือการจัดฟันมีกระบวนการทำงานที่สบายกว่าเครื่องมือชนิดอื่น เพราะเครื่องมือการจัดฟันใช้การออกแบบและวางแผนการรักษาด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้ทันตแพทย์ไม่ต้องติดเครื่องมือเองและไม่ต้องนัดผู้เข้ารับการจัดฟันบ่อยๆ ไม่ต้องปรับเครื่องมือแบบเดิมๆ ไม่ต้องแกะลวด ไม่ต้องเปลี่ยนยางเหมือนกับเครื่องมือการจัดฟันแบบทั่วไป ซึ่งจะมีความสะดวกสบาย ทั้งหมดนี่คือข้อดีของการจัดฟันแบบใสที่เอื้อในเรื่องของประโยชน์แก่ผู้ป่วยและทันตแพทย์

หากเราพูดถึงเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ต้องบอกว่าเป็นเครื่องมือที่ทันยุคทันสมัย เพราะการจัดฟันแบบใสและใช้เครื่องมือการจัดฟันนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราเลย ด้วยเครื่องมือการจัดฟันแบบใสที่ออกแบบมาด้วยลักษณะที่เป็นพลาสติกใส จะมองเห็นได้ยากและยังสวมใส่ได้ง่ายถอดออกได้อย่างสะดวก ไม่ทำให้เจ็บ นอกจากนี้ ข้อสำคัญที่สุดเลยก็คือเครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะถูกผลิตขึ้นเป็นของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะและออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ต้น

แต่ในการเข้ารับการจัดฟันแบบใสจะมีเครื่องมือหลายชิ้นตลอดการรักษา ซึ่งผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องจำเป็นที่จะใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใสวันละ 22 ชั่วโมงและเปลี่ยนชิ้นใหม่ทุกๆสองสัปดาห์ สำหรับ ใครหลายคน ที่กำลังตัดสินใจเข้ารับการจัดฟันแบบใสที่มีคำถามที่ว่าเครื่องมือการจัดฟันแบบใสผลิตขึ้นมาได้อย่างไร วันนี้ทางคลินิกของเรามีคำตอบมาให้ทุกคนได้เป็นแนวทางหรือใครข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องมือการจัดฟันแบบใส สำหรับการผลิตเครื่องมือการจัดฟันแบบใสนั้น

ก็มาจากกระบวนการขั้นตอนการรักษาที่ทางทันตแพทย์จะต้องทำการตรวจประเมินช่องปาก พิมพ์ปาก และออกแบบ เครื่องมือด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อจัดส่งไปยังแลปเพื่อให้ผลิตชิ้นงานออกมาซึ่งเครื่องมือแบบใส ก็มีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และเครื่องจักรในการผลิตซึ่งจะมีคุณภาพและความประณีตมาก ซึ่งช่วยให้สามารถเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง

สำหรับการผลิตเครื่องมือการจัดฟันแบบใสจะเริ่มจากทันตแพทย์พิมพ์ปากผู้เข้ารับการจัดฟันจากนั้นจะสแกนแบบพิมพ์ฟันปูนและแปลงไปเป็นข้อมูลดิจิตอลและส่งไปที่แลปต่างประเทศ เมื่อได้รับแบบจำลองฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันแล้ว ก็จะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์จำลองการเคลื่อนฟันแบบสามมิติจากนั้นก็จะส่งแบบจำลองการเคลื่อนฟันซึ่งเป็นไฟล์คอมพิวเตอร์กลับมาให้ทันตแพทย์พิจารณาเมื่อทันตแพทย์พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะแจ้งให้ผลิตเครื่องมือต่อไป
ทางคลินิกของเรา ยังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalig n เพื่อให้เข้ารับการจัดฟันได้อย่างถูกต้อง มีมาตรฐานสากลและยังมีความน่าเชื่อถือเพราะการจัดฟันแบบใสนั้น จะต้องได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ที่ผ่านการรับรองเท่านั้น เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย และทางทันตแพทย์ของเรายังสามารถให้คำปรึกษาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างถูกต้องและเป็นกันเอง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าหากคุณเข้ารับการรักษาจากทางคลินิกของเรา คุณจะมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติและสามารถใช้ชีวิตชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ผลิตขึ้นมาได้อย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

341
หากต้องการช่วยสร้างร่มเงาให้กับบ้าน กันสาดพับเก็บถือเป็นอุปกรณ์ยอดนิยม เพราะไม่ใช่แค่สามารถบังแดด บังฝน ได้เท่านั้น หากช่วงเวลาไหนต้องการพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้ปลอดโปร่ง มีอากาศถ่ายเทได้อย่างเต็มที่ ก็สามารถพับเก็บได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจ ยังไม่รู้จักกับอุปกรณ์ประเภทนี้ดีเท่าไหร่นัก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นกว่าเดิม


1. กันสาดพับเก็บคืออะไร?

บางคนก็เรียกว่า “กันสาดแขนยื่น” ด้วยลักษณะของอุปกรณ์ที่สามารถพับเก็บได้จากท่อกลมม้วนที่ติดตั้งอยู่ตรงด้านบนของผ้าใบ ส่วนด้านในจะมีแขนกันสาด จึงทำให้ม้วนเข้า-ออกได้ง่าย ผ้าที่ใช้ทำกันสาดประเภทนี้ต้องเป็นผ้าใบ กลไกที่ทำให้การพับเก็บสะดวกขึ้นมาจากสปริงกับโซ่ (บางรุ่นอาจเป็นเชือก) ซึ่งเวลาเก็บผ้าใบ เจ้ากลไกตัวนี้จะช่วยยึดผ้าใบให้ตึงเอาไว้ตลอดเวลา เมื่อดึงออกมา ระยะของผ้าใบจะกางได้จนสุดแขน หากต้องการระยะเท่าไหร่ก็สามารถหยุดตรงจุดนั้น ๆ ได้ทันที ทั้งนี้ด้านล่างของตัวกันสาดมักวางยึดเอาไว้กับท่อสี่เหลี่ยมที่ทำจากอะลูมิเนียมเพื่อช่วยไม่ให้ร่วงหล่นลงมา ส่วนใครที่ใช้รุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องหมุนด้วยตนเองเพราะมีการติดตั้งมอเตอร์ให้เปิด-ปิดอัตโนมัติได้ตลอดเวลา


2. กันสาดพับเก็บแบบผ้าใบ

สำหรับผ้าใบที่ใช้ทำกันสาดผลิตขึ้นมาจากผ้าที่ผ่านการทอเป็นผืนแล้วเคลือบด้วยวัสดุกันน้ำ ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำผ่านเข้ามาภายในได้ เนื้อผ้าที่ใช้ส่วนใหญ่จะทำด้วยไนลอน จากนั้นเคลือบ PVC ทับอีกชั้น เพิ่มความแข็งแรง ทนแดดทนฝน ได้ดียิ่งขึ้น ใช้งานได้ยาวถึง 3-4 ปีเลยทีเดียว ทั้งนี้การเลือกผ้าใบที่ดีต้องดูที่ลักษณะการทอ มีเส้นทอเรียงตัวสวย ไม่มีจุดขาดเว้าแหว่งใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกถึงความหนาของชั้นเคลือบได้ทันที ไม่ใช่เนื้อผ้านิ่ม ๆ ด้วยยุคสมัยที่พัฒนาขึ้นก็เกิดประเภทผ้าใบใหม่ ๆ ที่มีความแข็งแรงทนทานกว่า PVC ได้แก่ ผ้าโซล่าวิลล์ มีลักษณะโปร่งแสง เส้นใยเยอะกว่าผ้าใบทั่วไป 4 เท่า แข็งแรง เนื้อเหนียว ใช้งานได้ 5-6 ปี และ ผ้าใบอะคริลิก เนื้อผ้าใบทำจากอะคริลิกพร้อมเคลือบสารกันน้ำอย่างดี ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า 8 ปี

เรื่องของสีผ้าใบก็สำคัญเช่นกัน โดยสีเข้ม เช่น สีเขียวขี้ม้า สีน้ำเงิน สีดำ จะป้องกันแสงและรังสียูวีได้มากกว่าผ้าใบโทนสีอ่อน ช่วยให้บริเวณใต้ผ้าใบไม่รู้สึกร้อนจนเกินไป โดยการเลือกสีเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการกันฝนแต่อย่างใด เพราะเนื้อผ้าใบสามารถกันได้ 100% อยู่แล้ว


3. กันสาดพับเก็บแบบระบาย

ระบายกันสาดก็คือส่วนด้านล่างที่ต่อลงมาจากโครงอีกชั้น มีลักษณะห้อยเรียงตัวกัน คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการมีระบายกันสาดเพื่อให้ดูสวยงาม ไม่โล่งเตียน เหตุผลตรงนี้ก็ถูกส่วนหนึ่งแต่ที่จริงมีมากกว่านั้น เพราะระบา ยกันสาดจริง ๆ แล้ว ยังช่วยให้เกิดความสมดุลของตัวกันสาด ช่วยเพิ่มช่องลมให้เข้ามาภายใน ลดความร้อน ระบายความ อบอ้าวได้เป็นอย่างดี การเลือกแบบระบาย จริง ๆ ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้งาน แต่ส่วนใหญ่ที่นิยมคือ แบบระบายส ไตล์ยุโรป ลักษณะจะคล้ายรูปตัว U เย็บติดกันจากต้นไปจนถึงด้านปลายกันสาด เพราะช่วยเพิ่มความเนียนตาเวลามองเข้ามา แต่ถ้าใครจะใช้ทรงแหลมแบบตัว V ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน สีสันก็เน้นให้แบบเดียวกับตัวกันสาด ดูกลมกลืน


4. กันสาดพับเก็บแบบมอเตอร์

ด้วยชื่อก็บ่งบอกชัดเจนว่า กันสาดพับชนิดนี้มีการนำเอาระบบมอเตอร์เข้ามาเป็นส่วนประกอบเพื่อช่วยให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งจะทำหน้าที่ในการหมุนเปิด-ปิดกันสาดได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน โดยระบบสั่งมีได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการเลือกนำมาใช้ เช่น หากอยากได้ราคาที่ประหยัดงบหน่อย ก็เลือกกันสาดพับเก็บมอเตอร์ที่ใช้สวิตช์กด
 
สำหรับคนที่ไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ต้องการความหรูหรา ความสะดวก สบาย ไม่ต้องเดินไปกดที่สวิตช์ให้เสียเวลา อาจเลือกใช้ระบบรีโมทที่จะมีตัวจับเซนเซอร์กับมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อกดปุ่ม มอเตอร์ก็จะทำหน้าที่ตามคำสั่ง หรืออีกรุ่นที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้นคือ สั่งการผ่านสมาร์ตโฟน โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ใช้งานมาไว้ในมือถือ จากนั้นก็สั่งการได้ตามใจชอบ


5. กันสาดพับเก็บแบบมือหมุน

เป็นระบบกันสาดพับเก็บทั่วไปที่เห็นได้อยู่บ่อย ๆ เนื่องจากมีราคาถูกกว่ากันสาดแบบมอเตอร์ ลักษณะของการทำงานคือ จะมีตัวมือหมุนยื่นออกมาใช้สำหรับการหมุนเข้า-ออกของตัวผ้าใบ เมื่อทำการหมุนเฟืองที่ติดอยู่กับโซ่จะค่อย ๆ คลายตัวออกไปตามลักษณะที่หมุน
 
สำหรับบ้านเรือนทั่วไปที่ไม่ได้เน้นความหรูหราหรือความสะดวกสบายมากนัก แค่พอให้สามารถป้องกันแดดฝนก็เพียงพอ จึงมักเลือกกันสาดพับเก็บแบบมือหมุนมากกว่า ซึ่งกันสาดประเภทนี้ยังสามารถกะระยะการหยุดได้ด้วยตนเอง หากไม่ต้องการกางผ้าใบให้กว้างเกินไปก็หยุดในระยะที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องกางออกให้ตึงสุดตลอดเวลา


6. การติดตั้งกันสาดพับเก็บ

ทิศทางการติดตั้งกันสาดก็เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าเลือกติดทิศไม่ดี ความร้อนก็ยังคงส่งผ่านเข้าตัวบ้านได้ ไม่ช่วยระบายความร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น หลัก ๆ แล้วทิศทางที่เหมาะสมกับการติดตั้งกันสาดเพื่อช่วยป้องกันความร้อนคือทิศตะวันตกและทิศใต้ เพราะแสงแ ดดในช่วงเวลาบ่ายถึงเย็นจะมีความร้อนระอุมากกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ทั้งนี้ในกรณีที่ต้องการติดตั้งกันสาดเพื่อช่วยกันฝนหรือให้ร่มเงากับพื้นที่ที่มักอยู่อาศัยในบ้านเป็นประจำ ก็ไม่ได้จำเป็นต้องเลือกทิศทางใด ๆ เน้นความสะดวกต่อการใช้งานเอาไว้ก่อน เท่านี้ก็ช่วยให้บ้านของคุณเกิดความร่มเย็น ไม่ร้อนอบอ้าว และยังใช้ประโยชน์ได้สูงสุดเมื่อนำมาติดตั้ง อีกเรื่องที่อยากฝากไว้คือ กรณีบ้านไหนมีช่องแสงต้องเลือกกันสาดที่แข็งแรง ทนทาน เพราะความ ร้อนที่ส่องลงมาจะมากกว่าปกติ


7. การดูแลรักษากันสาดพับเก็บ

หน้าที่สำคัญของกันสาดพับเก็บก็คือช่วยป้องกันแสงแดดและฝนไม่ให้เข้ามาถึงตัวบ้านได้  หากไม่มีการดูแลรักษาใด ๆ เลย จะทำให้ใช้งานได้ไม่นาน แนะนำว่าช่วงเวลาที่แดดร่มลมตก ไม่ร้อนและไม่มีฝน ให้ดึงกันสาดพับเก็บเข้ามาแล้วทำความสะอาดด้วยการปัดถู เช็ดด้วยผ้าบิดหมาดเบา ๆ ไม่ต้องใช้น้ำยาใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะจะทำ ให้ผ้าใบซีดจางได้ง่าย

ถ้าหากมองเห็นว่าบางจุดของกันสาดพับเก็บเริ่มมีรอยรั่ว ควรรีบหาวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้รอยขยายกว้างออกไป เช่น นำพลาสติกมาปิดทับเอาไว้อีกชั้น เป็นต้น เท่านี้ก็จะช่วยให้กันสาดพับเก็บของคุณอยู่ไปได้อีกนาน ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนกันบ่อย


8. ราคาของกันสาดพับเก็บ

สำหรับราคากันสาดพับเก็บที่ขายตามท้องตลาดนั้นมีด้วยกันหลายราคา เริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ประการ ไม่ว่าจะเป็น วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิต ขนาดกันสาด ยี่ห้อ ระบบกันสาด (มือหมุนหรือมอเตอร์) โดยระบบมือหมุนจะมีราคาถูกกว่าระบบมอเตอร์ อย่างไรก็ตามการจะเลือกซื้อกันสาดพับในราคาคุ้มค่าต้องมองเรื่องคุณสมบัติเป็นหลัก เลือกวัสดุชั้นดีทุกจุดไม่ใช่แค่ตัวผ้าใบ รวมถึงโครงอะลูมิเนียม กลไกมอเตอ ร์ สปริง เฟือง ฯลฯ หากทุกอย่างดูเหมาะสม คุณภาพดี ก็ถือว่าได้ราคากันสาดพับเก็บที่มีความคุ้มค่ามาก ๆ แล้ว ต่อไปก็ลองพิจารณาดูจากหลาย ๆ ยี่ห้อ ตามงบประม าณที่คุณมี

เมื่อเข้าใจเรื่องของกันสาดพับเก็บที่เราบอกในบทความนี้แล้ว จะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกมาใช้งานได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ อีกทั้งยังช่วยให้บ้านมีร่มเงา กันแดดกันฝนได้เป็นอย่างดี


รู้จักกันสาดพับเก็บ ตัวช่วยบังแดดบังฝนคู่บ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/

342
ฉนวนกันเสียง ถือเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้ผู้คนในห้องสามารถมีสมาธิกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ เพราะเสียงภายนอกไม่สามารถเข้ามารบกวน ในขณะเดียวกันเสียงภายในก็ไม่หลุดเล็ดลอดออกไปได้ วันนี้จะมาแนะนำวัสดุฉนวนกันเสียง 2 รุ่นพร้อมเทคนิคการนำฉนวน ไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในส่วนต่างๆของงานสถาปัตยกรรมภายใน

ฉนวนกันเสียงที่ดี ที่ถูกออกแบบอย่างถูกต้องจะช่วยลดปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงให้หมดไป ซึ่งฉนวน 2 รุ่น สามารถแก้ไขปัญหาด้านเสียงได้อย่างตรงจุดและมีคุณสมบัติเด่นที่คล้ายคลึงกัน แต่การนำไปใช้ให้ตอบโจทย์อย่างเหมาะสม ต้องเริ่มจากโจทย์ของการติดตั้ง ว่าต้องการเน้นไปที่การลดเสียงสะท้อน หรือเก็บเสียงไม่ให้ส่งผ่านไปอีกห้อง โดยทั้ง 2 รุ่น นี้เหมาะกับงานที่นำไปติดตั้งในโครงสร้างผนังทั้งคู่

จะเป็นแผ่นอะคูสติกบุผนังถูกออกแบบมาอย่างสำเร็จรูปพร้อมใช้งาน ตัวรอบๆ ของวัสดุถูกหุ้มด้วยผ้าแก้วชนิดพิเศษทั้ง 5 ด้าน จึงทำให้มีความแข็งแรงทนทาน เนื้อฉนวนไม่อมน้ำ (Non Water Absorptio n) ไม่ลุกติดไฟ ภายในโครง สร้างมีรูพรุนและโพรงอากาศเล็กๆ จำนวนมากจึงช่วยลดการสะท้อนของเสียง ช่วยดูดซับเสียงและลดเสียงสะท้อนก้องภายในห้อง เช่นเดียวกับรุ่นของ Noizestop ที่ถูกออกแบบมาโดยมีคุณสมบัติเด่นคือป้องกันการส่งผ่านเสียงจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง

การออกแบบ ห้องที่ต้องการลดเสียงสะท้อน และป้องกันเสียงหลุดลอดออกไป ต้องผ่านการทดสอบและได้มาตรฐาน ซึ่งทั้ง 2 รุ่น ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีความสามารถในการดูซับเสียงได้ดีด้วยค่า NRC (Noise Reduction Coefficie nt) ที่มาก ซึ่งค่า NRC เป็นค่าที่ระบุความสามารถการดูดซับเสียงของวัสดุ ได้ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีค่า STC (Sound Transmiss ion Class) ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่บ่งบอกได้ว่ามีความสามารถในการกั้นเสียงได้อย่างดี



เทคนิคการนำฉนวนกันเสียงและดูดซับเสียง (ชนิดแผ่น) ไปใช้ในงานป้องกันเสียงรบกวน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/

343
บ้านสไตล์คอทเทจ แบบบ้านที่หลายคนอาจไม่รู้จักว่าคือแบบบ้านไหน แต่แท้จริงแล้วแบบบ้านนี้หลายๆ คนน่าจะคุ้นชินและเห็นกันบ่อยๆ ตามเว็บไซต์ นิตยสาร หรือคาเฟ่ทั่วๆไป บอกได้เลยครับว่าแบบบ้านนี้เป็นอีกหนึ่งแบบบ้านที่ใครรู้จักเป็นต้องหลงรัก เพราะอยู่แล้วต้องผ่อนคลายและสบายมากๆ อย่างแน่นอน มาดูกันครับว่าเป็นอย่างไร และมีไอเดียตกแต่งอย่างไรบ้าง

บ้านสไตล์คอทเทจ (Cottage) เป็นบ้านที่มีรูปแบบการตกแต่งแบบสบายๆ แนวคันทรี่ฝั่งตะวันตก เน้นโชว์งานไม้หรือพื้นผิวของวัสดุจริง คล้ายๆ สไตล์ลอฟท์ แต่ไม่หนักและมีความดิบเท่เท่า เพราะสไตล์คอทเทจมักจะตกแต่งด้วยโทนสีพาสเทล หวานๆ ครับ

รวมถึงอาจทำให้เราสับสนว่าหรือจะคล้ายสไตล์วินเทจ แต่บ้านสไตล์วินเทจจะเน้นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุเก่าๆ เป็นของเก่าๆ รวมถึงอาจมีลวดลาย ดูอ่อนหวานเป็นแนวผู้หญิงมากกว่าสไตล์คอทเทจครับ

จุดเด่นของบ้านสไตล์คอทเทจ

จุดเด่นหนึ่งของบ้านสไตล์คอทเทจก็คือสามารถนำมาปรับแต่งผสมเข้ากับสไตล์อื่นได้ง่ายๆ  แนวทางการ แต่งบ้านแบบนี้มักจะแต่งกับบ้านที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เพื่อให้บรรยากาศบ้านไม่รู้สึกว่าอึดอัด โทนสีในการตกแต่งมักเน้นโทนสีพาสเทล เน้นโชว์เนื้อไม้หรือวัสดุของโครงสร้างจริงๆ เพื่อให้คนอยู่อาศัยในบ้านรู้สึกว่าผ่อนคลายครับ เรามาดูกันว่าถ้าต้องการจะสร้างบ้านสไตล์นี้ต้องมีจุดเด่นอะไรอย่างบ้าง

1.    โทนสีของแบบบ้านสไตล์คอทเทจ

โทนสีหลักๆ ของแบบบ้านสไตล์คอทเทจมักจะเป็นโทนสีพาสเทล เช่น ฟ้าพาสเทล ชมพูพาสเทล เหลืองพาสเทล และเขียวพาสเทล รวมถึงตกแต่งหรือทาสีด้วยโทนสีเอิร์ธโทนด้วย เช่น สีเบจ ขาว เทา ดำ น้ำตาล และครีม เป็นต้น


2.    เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านสไตล์คอทเทจ

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์คอทเทจจะนิยมใช้เป็นงานไม้ผสมผสานกับเหล็ก หรือจะเป้นผ้านุ่มๆ ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ แบบสายลมแ สงแดด หรือให้รู้สึกบรรยากาศแบบสดชื่นเหมือนอยู่ริมทะเล เป็นต้น

ในส่วนของตกแต่งบ้านก็มักจะนิยมนำไม้มาเป็นส่วนประกอบ เช่น กรอบรูป โคมไฟ กระถางต้นไม้ ที่ไม่ผ่านการตกแต่งเติมสีจนดูไม่เป็นธรรมชาติมาประดับหรือวางไปตามส่วนต่างๆ ของบ้าน หรือจะเลือกนำพรมมาวางที่พื้นเพิ่มความชิลให้กับบ้านก็ได้นะครับ


3.    วัสดุพื้นและผนังแบบบ้านสไตล์คอทเทจ   

สำหรับผนังและพื้นแบบบ้านสไตล์คอทเทจ มักจะเน้นความเรียบง่าย ดูสบาย ไม่เป็นทางการมากนัก ส่วนใหญ่จะนิยมใช้เป็นพื้นไม้สีอ่อนครับ หากรู้สึกว่าพื้นไม้มีสีเข้มมากเกินไป อาจทาสีทับเป็นสีแนวเอิร์ธโทน หรือสีแนวพาสเทลก็ได้นะครับ

แต่หากไม่ชอบพื้นไม้ เราก็สามารถใช้เป็นพื้นปูนได้นะครับ โดยโทนสีก็มักจะใช้โทนสีแนวที่ได้บอกไปแล้ว ในส่วนของผนังจะเป็นปูนแทนไม้ หรือจะโชว์เป็นอิฐสีขาวก็ได้นะครับ ซึ่งหากใครที่ทาสีผนังไม่ได้ ก็สามารถนำวอลเปเปอร์มาใช้แทนครับ ซึ่งวอลเปเปอร์นอกจากจะได้สีในโทนที่ต้องการแล้ว ยังมีลวดลายเพิ่มด้วย เช่น ลายอิฐสีขาว ลายไม้สีฟ้า ลายไม้สีเหลือง หรือจะลายดอกไม้เล็กๆ เป็นต้น


ขายบ้านโคราช: บ้านสไตล์คอทเทจ แบบบ้านสบายๆ ใครอยู่แล้วก็แฮปปี้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/homes2/

344
คอเลสเตอร อล เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่มีทั้งแบบดีและแบบไม่ดีต่อร่างกาย และหากได้รับไขมันเลวมาก ๆ จนสะสมอยู่ในร่างกายก็จัดเป็นภัยเงียบที่เพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพได้ ทว่าที่เขาเรียกว่าคอเลสเตอรอลสูงนี่ต้องสูงเท่าไรจึงจะเสี่ยงอันตรายแบบควรรีบลดแล้วจริง ๆ วันนี้เราลองมาดูข้อมูลไขมันในเลือดกัน

คอเลสเตอร อล คืออะไร

คอเลสเตอร อล (Cholester ol) คือ ไขมันชนิดหนึ่งที่พบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย เพราะเป็นไขมันที่ร่างกายสร้างขึ้นเองได้ และเราก็สามารถรับคอเลสเตอรอลจากอาหารที่รับประทานได้เช่นกัน ซึ่งโดยปกติแล้วคอเลสเตอรอลจะมีหน้าที่สนับสนุนเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ผลิตฮอร์โมน ย่อยวิตามินดีและสารบางชนิด เช่น กรดน้ำดี ที่อยู่ในระบบย่อยอาหาร เพื่อช่วยในการย่อยไขมัน เป็นต้น


ถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะสงสัยว่าคอเลสเตอรอลสรุปแล้วเป็นไขมันดีหรือไขมันเลว ซึ่งก็ต้องบอกว่าคอเลสเตอรอลแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

1. คอเลสเตอร อลชนิดดี (ไขมันดี)

หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า HDL (High Density Lipoprote in) เป็นคอเลสเตอรอลที่ทำหน้าที่ขนส่งคอเลสเตอรอลและกรดไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไปที่ตับ เพื่อให้ตับขับคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกไป และป้องกันไขมันเลวเข้าไปสะสมในหลอดเลือดแดง การมีคอเลสเตอรอลชนิดนี้อยู่ในเลือดสูงจึงช่วยลดระดับไขมันที่ไม่ดี ส่งผลให้ความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันลดลงไปด้วย

ทั้งนี้ เราสามารถ รับคอเลสเตอรอลชนิดดีได้จากอาหาร เช่น นมไขมันต่ำ โยเกิร์ต ไข่ไก่ ปลา ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี แฟลกซ์ซีด ถั่วเหลือง ผักใบเขียว ถั่วเปลือกแข็งอย่างวอลนัท และอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า 3


2. คอเลสเตอร อลชนิดไม่ดี (ไขมันเลว)

หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า LDL (Low Density Lipoprote in) เป็นคอเลสเตอรอลที่ร่างกายรับมาจากอาหารไขมันสูง อาหารให้พลังงานสูง เช่น อาหารทะเล เนื้อสัตว์ติดมัน กะทิ ชีส อาหารทอด ๆ เป็นต้น โดย LDL มีหน้าที่นำพาไขมันคอเลสเตอรอลไปใช้ยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่หากมีอยู่ในร่างกายมาก ๆ อาจทำให้เกิดตะกรันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดมีทางไหลเวียนโลหิตแคบลง หรือไหลเวียนไม่คล่องตัวเท่าที่ควร ซึ่งจะส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตกะทันหัน หรือเป็นสโตรก (Stroke) จนอัมพฤกษ์-อัมพาตได้


คอเลสเตอร อลสูงเท่าไร แบบไหนอันตราย

จากข้อมูลข้างต้นเราจะเห็นได้ว่า คอเลสเตอร อลมีทั้งชนิดดีและไม่ดี ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานของระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายควรเป็นดังนี้

ระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ในคนปกติ

    ไม่ควรน้อยกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
    ค่าที่เหมาะสมคือควรมากกว่า 60 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

ดูแลสุขภาพ: คอเลสเตอร อลสูงเท่าไรถึงจุดอันตราย รีบลดไขมันในเลือดด่วน ! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.healthyhitech.net/

345
ในปัจจุบัน เทรนด์การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ถือว่ามาแรงมาก หลายคนเมื่อมีอายุที่มากขึ้น ก็เริ่มที่จะหันมาสนใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น หรือคนที่อยู่ในวัยทำงาน ก็ไม่ค่อยมีเวลาที่จะดูแลตัวเอง ซึ่งการรับบประทานอาหารคลีนก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยทำให้เรามีสุขภาพดี โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยากมีสัดส่วนที่ดี ก็มักจะเลือกรับประทานอาหารคลีน ที่กำลังได้รับความนิยม แต่หลักของการรับประทานอาหารคลีนโดยทั่วไป มักเน้นที่การรับประทานอาหารให้หลากหลาย

ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน(ดี) ดูแลเรื่องส่วนผสมและวิธีการปรุง หลีกเลี่ยงการทอด ขนมอบ เบอเกอรี่ ของมันๆหวานๆ อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลและเกลือสูง หรือบางกลุ่มหลีกเลี่ยงการรับประทานผลไม้เพื่อลดน้ำตาลแฝงที่มากับผลไม้ นอกจากนี้ ยังต้องควบคุมพลังงานและสารอาหารให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป และจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อหาอาหารต่างๆ ร่วมด้วยเช่น การอ่านฉลาก ดูปริมาณให้เหมาะสม ซึ่งถือเป็นข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐาน หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปทุกชนิด ปรุงและเตรียมอาหารด้วยตนเอง เพื่อให้ได้รับสารอาหารตามที่เราต้องการ ซึ่งต้องบอกว่า บางคนยังมีคามเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรับประทานอาหารคลีนอยู่หรือรับประทานไม่ถูกต้อง ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำการรับประทานอาหารให้ถ฿กวิธีและมีสุขภาพดี ห่างไกลจากโรคด้วย


ต้องบอกว่า อาหารคลีน เป็นอาหารของคนรักสุขภาพที่มีหลักพื้นฐานง่าย ๆ คืออาหารที่มีความเป็นธรรมชาติที่สุด ผ่านการแปรรูปและการขัดสีน้อยที่สุด และเป็นอาหารที่มากด้วยคุณค่าทางสารอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ธัญพืชไม่ขัดสี รวมถึงไขมันชนิดดีที่ไม่อิ่มตัว โดยการได้รับอาหารเหล่านี้แทนอาหารแปรรูปขั้นสูงอย่างขนมขบเคี้ยว ของหวาน และอาหารพ ร้อมเสิร์ฟ จะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ น้ำตาล เกลือ และไขมันอิ่มตัวในร่างกายลงได้ โดยการรับประทานอาหารคลีนอย่างถูกต้องนั้น หลัก ๆ คือ การเลือกอาหารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยลดอาหา รแปรรูปและอาหารที่ผ่านการขัดสีทั้งหลายซึ่งจะเสียคุณค่าทางโภชนาการไประหว่างกระบวนการดังกล่าว รวมถึงอาหารที่มีการปรุงแต่งด้วยกลิ่นหรือสารสังเคราะห์ อาหารที่ประกอบด้วยน้ำตาล เกลือ หรือไขมันในปริมาณสูง ได้แก่ ขนมกรุบกรอบ ของหวาน อาหารจานด่วน และอาหารส ำเร็จรูป เป็นต้น และต้องเน้นคุณค่าทางสารอาหาร เมื่อลดอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ลงแล้ว ต่อไปก็คือการหันมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนเหมาะสม ได้แก่ อาหารที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือแปรรูป เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน และธัญพืชที่ผ่านการขัดสีน้อย เป็นต้น ควรรับประทานผักผลไม้ให้มากๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเลือกเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ เช่น น้ำเปล่าหรือชาสมุนไพร วันละ 6-8 แก้ว แทนการดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง


เพราะนอกจ ากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยให้รู้สึกอิ่มและมีพลังยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ลดอาหารที่ปรุงแต่งด้วยเกลือและน้ำตาล เพราะถือเป็นส่วนประกอบที่ไม่เป็นธรรมชาติและยังส่งผลเสียต่อร่างกายหากได้รับมากเกินไป นอกจากนี้ ผู้ที่รับประทานอาหารคลีนบางคนเลือกที่จะงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีนทุกชนิด บางคนอาจข าดไม่ได้ แต่ใช้วิธีเลือกดื่มในปริมาณที่พอดี ซึ่งปริมาณคาเฟอีนที่ควรได้รับแต่ละวันไม่ควรเกินกว่า 400 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับกาแฟ 250 มิลลิลิตร จำนวน 3-5 แก้ว


กินอาหารสุขภาพ อย่างไรให้ถูกวิธี สุขภาพดีห่างไกลโรค!? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25
















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า