ปัญหาขาดสภาพคล่องหรือการที่ผู้ประกอบการขาดเงินสดหมุนเวียน, หมุนเงินไม่ทัน เป็นหนึ่งในปัญหาพื้นฐานที่ผู้ประกอบการต้องจัดการแก้ไขและวางแผนบริหารการเงินให้ดี เพื่อไม่ให้ธุรกิจการค้าขายที่ทำอยู่ต้องสะดุดหรือปิดฉากลง
หาก เป็นแม่ค้าหมุนเงินไม่ทัน จะทำอย่างไร ?
เชื่อว่าหลายคนที่พบกับปัญหาดังกล่าวมักจะนึกถึงวิธีการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งเป็นวิธีการได้เงินสดมาใช้สำหรับการเดินหน้าธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่วิธีการนี้จะทำให้เกิดภาระหนักทางการเงินเพราะจะต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราสูงมาก หากยังไม่สามารถจัดการกับสภาพคล่องได้อีกก็จะทำให้เกิดปัญหาหนักมากขึ้น
วิธีหมุนเงินขายของ ที่เหมาะสมสำหรับการทำธุรกิจของคนยุคใหม่ จึงต้องอาศัยแนวทางและวิธีจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจาก
1. พิจารณาค่าใช้จ่ายประจำที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนอย่างรอบคอบรัดกุม
หลายคนใช้วิธีการทำบัญชีรายรับรายจ่าย
ชื่อร้านขึ้นมา ซึ่งการทำบัญชีแบบนี้จะทำให้มองเห็นว่าในแต่ละเดือนมีรายจ่ายประจำอะไรบ้าง และส่วนใดที่สามารถลดหรือตัดออกได้ โดยเฉพาะก
รณีที่รายได้จากการทำธุรกิจไม่เพียงพอต่อรายจ่ายที่เกิดขึ้น การตัดรายจ่ายต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็น ก่อนที่จะคิดหาเงินหมุนเวียนเพิ่มเติม
2. กำหนดค่าตอบแทนของตัวเองให้ชัดเจน
เป็นอีกเรื่องที่คนทำธุรกิจหรือค้าขายทั่วไปมักไม่ได้คำนึงถึงและไม่ได้มีการกำหนดอัตราค่าตอบแทนของตนเองไว้ จึงทำให้เงินหมุนเวียนในธุรกิจและค่าตอบแทนของตัวเองปะปนกันอยู่ เมื่อมีความจำเป็นที่จะใช้เงินในเรื่องส่วนตัวก็จะนำเงินในการทำธุรกิจมาใช้จ่าย จึงทำให้เกิดปัญหา หมุนเงินไม่ทัน หรือเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องในการทำธุรกิจนั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องมีการกำหนดอัตราค่าตอบแทนของตัวเองให้ชัดแล้วแยกเงินส่วนตัวกับเงินในการทำธุรกิจออกจากกัน
3. หาแหล่งเงินกู้สำหรับเพิ่มสภาพคล่องในการทำธุรกิจ
โดย
เทคนิคการขอสินเชื่อสามารถเลือกสินเชื่อสำหรับ SME จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากมาย สินเชื่อกลุ่มนี้จะมีการกำหนดเงื่อนไขให้สอดคล้องกับรูปแบบกิจการ เงินทุนในการทำธุรกิจ และช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กมีสายป่านที่ยาวขึ้นสำหรับการทำธุรกิจ โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงเกินไป อาทิ ธนาคารกรุงไทยได้ออกผลิตภัณฑ์
สินเชื่อเพื่อแม่ค้า สำหรับผู้ประกอบการ SME ไว้หลากหลายประเภท เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละธุรกิจที่มีความแตกต่างกัน อย่างเช่น สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่ EEC ก็จะออกแบบมาสำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก (ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา) เท่านั้น เพื่อเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการในพื้นที่นี้ให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยกำหนดว
งเงิน
สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันไว้สูงสุดถึง 1 ล้านบาท และสินเชื่อแบบที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจะสามารถกู้ได้สูงสุดถึง 3 เท่าของมูลค่าหลักทรัพย์ ด้วยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% เป็นต้น
นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทยยังมีสินเชื่อเพื่อ SME ที่แยกตามประเภทธุรกิจ เช่น สินเชื่อสำหรับเจ้าของร้านขายยาและคลินิกทั่วไป สินเชื่อสำหรับเจ้าของร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และร้านค้าทั่วไป ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา