หากพูดถึงโรคหรืออาการที่สามารถเกิดขึ้นในกลุ่มเด็กทารกและทำเอาคุณพ่อคุณแม่หลายท่านต้องหนักใจ หรือเกิดความกังวลเลยก็คือ “
โรคลมชักในทารก” ที่มีอาการคล้ายกับโรคลมบ้าหมูที่เกิดขึ้นในเด็กโต ซึ่งถือเป็นโรคที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก และคนรอบข้าง รวมถึงพัฒนาการทางด้านสมองและการเจริญเติบโตของเด็ก ที่ฟังดูแล้วเชื่อว่าไม่มีคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนอยากให้เกิดกับบุตรของตนเองอย่างแน่นอน แต่หากเมื่อเด็กได้รับความผิดปกติของระบบประสาท หรือความผิดปกติจากพันธุกรรม คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายก็ควรรู้วิธีการรับมือและการรักษาเบื้องต้น เพื่อลดความรุนแรงหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
เข้าใจอาการ และสาเหตุของโรคลมชักในทารก โรคลมชักเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท หรือเนื้อสมองที่เจริญผิดที่ โดยประจุไฟฟ้าในสมองมีการทำงานที่ผิดปกติ ทำให้เด็กมีอาการกระตุก ชัก เกร็ง ซึ่งโดยปกติแล้วอาการชักส่วนใหญ่มักจะหยุดก่อน 5 นาที แต่หากเด็กชักเกิน 5 นาที ควรรีบนำส่งโรงพยาบาล
นอกจากนี้เด็กบางรายอาจมีอาการเหม่อลอยระหว่างสนทนา หรือร้องไห้ได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการของลูก เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
ที่สำคัญโรคลมชักในทารกยังสามารถเกิดได้จากภาวะเลือดออกในสมอง น้ำตาลในเลือดต่ำ หรือเกิดขึ้นได้จากการขาดยา ในกรณีที่มารดาใช้ยาหรือสารเสพติดบางอย่างในระหว่างการตั้งครรภ์
เมื่อเด็กมีอาการลมชักควรรับมืออย่างไร 1.นำเด็กไปอยู่ในที่โล่ง โปร่ง หรือพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2.คลายเสื้อให้หลวม เพือให้เด็กสามารถหายใจได้สะดวก
3.ห้ามนำสิ่งของ หรือวัตถุใดเข้าปากเด็ก
4.ให้เด็กอยู่ในท่าที่ปลอดภัย โดยการนอน
ตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก
การตรวจวินิจฉัยโรคลมชักในปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยโรคลมชักในทารก หรือวัยอื่น ๆ สามารถทำไ
ด้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโรงพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ มีการนำเอาเครื่องมือแพทย์ที่มีมาตรฐานสูงมาช่วยตรวจหาตำแหน่งความผิดปกติในสมอง โดยการตรว
จคลื่นไฟฟ้าสมอง(EEG) เพื่อหาตำแหน่งความผิดปกติของประจุไฟฟ้าในสมอง รวมถึงการทำเอ็มอาร์ไอ(MRI) เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติของสมองที่ทำให้เกิดอาการชัก
หากบุตรของคุณมีอาการชัก ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลและปรึกษาแพทย์ระบบประสาทโดยด่วนเพื่อไม่ให้อาการส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็ก เพราะเราเ
ชื่อว่าอาการลมชักยิ่งหากเกิดกับเด็กทารกอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายตกใจได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรตั้งสตติ และให้ความช่วยเหลือด้วยการปฐมพยาบาลตามวิธีการรับมือตามข้างต้น พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กทารกและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นขณะเด็กมีอาการชัก